อัยการเผยเหตุ ถอนฟ้อง “ฮาคีม “ ย้ำบาห์เรนไม่ติดใจการถอนคำร้อง

กรุงเทพฯ 11 ก.พ.- อัยการเผยเหตุ ถอนฟ้อง “ฮาคีม “ ย้ำบาห์เรนไม่ติดใจการถอนคำร้อง


นายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีนาย ฮาคีม อัล อาไรบี อายุ 25 ปี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศบาห์เรน เมื่อช่วงเช้า (11 ก.พ.) ที่ผ่านมาว่า อัยการได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งให้ทราบว่า ทางการประเทศบาห์เรน แสดงความประสงค์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนี้อีก โดยคณะทำงานของอัยการก็ได้ประชุมหารือกันแล้ว ทั้งพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและ พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี ก็เห็นว่าเมื่อประเทศบาห์เรนแสดงความประสงค์ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีอีกต่อไป เเละให้ถอนคำร้องส่งผู้ร้ายข้ามเเดน กรณีนี้จึงไม่มีประโยชน์ต่อสาธารณะตาม พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มาตรา 21 ที่บัญญัติให้อัยการมีอิสระในการที่พิจารณาสั่งคดี ไปหาอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ก็สั่งไม่ฟ้องได้ ดังนั้นอัยการสำนักงานต่างประเทศจึงได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลอาญา ซึ่งศาลก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องแล้วตามขั้นตอน ก็จะต้องปล่อยตัวในฮาคีมให้เป็นอิสระโดยทันที จะไม่คุมขังไว้อีกแม้แต่นาทีเดียว ส่วนการจะเดินทางกลับออกนอกประเทศอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ด้าน นางณัฐาศิริ เบิร์กแมน ทนายความของนายฮาคีม เปิดเผยว่าส่วนตนยังไม่ได้รับการแจ้งหรือประสานจากศาลหรือเจ้าหน้าที่ศาล ในเรื่องที่อัยการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีแต่อย่างใด โดยกรณีดังกล่าวก็เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาไปได้เลยเพราะกระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างศาลกับอัยการ ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายจำเลยก็ปฏิเสธ การขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสอบถามฝ่ายจำเลยอีกเพราะการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับฝ่ายจำเลยอยู่แล้ว 


อย่างไรก็ดี หากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง กระบวนการปล่อยตัว ก็จะดำเนินการที่เรือนจำ ซึ่งตนเองก็ยังไม่ได้รับแจ้งจากทางเรือนจำว่าจะปล่อยตัวเมื่อใดเวลาใด  ส่วนทางการออสเตรเลียจะทำอย่างไรนั้น ตนเห็นว่าถ้าศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องแล้วมีการปล่อยตัว ทางสถานทูตของออสเตรเลีย ก็คงจะดำเนินการติดตามรับตัวเพื่อเดินทางกลับไปยังประเทศ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย