นนทบุรี 8 มิ.ย. – ทนายความนำเอกสารหลักฐานเข้ายืนยันสิทธิเงิน 12 ล้านบาท มั่นใจมีหลักฐานชี้แจงได้ ท้ายสุดหากเงินไม่ใช่ของตนหรือเป็นเงินผิดกฎหมายก็ต้องติดคุก ด้านสอบสวนกลางจ่อประชุม 3 หน่วย เร่งหาที่มาที่ไปของเงินดังกล่าวว่าได้มาถูกต้องหรือไม่
ช่วงบ่ายที่ผ่านมา (8 มิ.ย.) นายทวีวัฒน์ ทนายความที่อ้างตัวเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้านบาท ที่มีพลเมืองดีพบว่าซุกอยู่ในลังพลาสติก นำมาวางทิ้งไว้ที่จุดทิ้งขยะหน้าลิฟต์ชั้น 4 ตึก P2 โซน C ของคอนโดฯ แห่งหนึ่ง ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ภายในกล่องมีหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ซองจดหมายเกี่ยวกับ กสทช. ปรากฏชื่อนายทวีวัฒน์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา วันนี้นายทวีวัฒน์เดินทางเข้ามาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นเงิน 12 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าวันนี้นายทวีวัฒน์นำเอกสารหลักฐาน เช่น เอกสารการเบิกถอนเงินสด มายืนยันการเป็นเจ้าของเงินจำนวนดังกล่าว ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนได้ประสานให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมเก็บลายนิ้วมือของนายทวีวัฒน์ เพื่อนำไปพิสูจน์ว่าตรงกับลายนิ้วมือแฝงบนธนบัตรที่พบหรือไม่

“ทวีวัฒน์” มั่นใจมีหลักฐานแจงที่มาเงิน 12 ล้าน หากแจงไม่ได้ก็ต้องติดคุก
หลังให้ปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง นายทวีวัฒน์ ออกมาให้ข้อมูลว่า วันนี้มีการตรวจลายนิ้วมือและดีเอ็นเอ ซึ่งได้อ่านทบทวนการให้การ เจ้าหน้าที่จะขยายผลที่มาของเส้นทางการเงิน ยืนยันว่ามีหลักฐานเยอะ ครั้งนี้มาเป็นรอบที่ 2 ส่วนรอบที่ 3 ในครั้งหน้าจะต้องมาวันไหนยังไม่รู้ แต่วันนี้ได้ข้อสรุปว่าถ้าเงินนี้ไม่ใช่ของตน ตนจะต้องติดคุก หรือถ้าเงินนี้เป็นเงินของตน แต่ถ้าเป็นเงินผิดกฎหมาย ก็ติดคุกเช่นกัน ซึ่งเป็นนักกฎหมาย เป็นทนายความ ยังไงจะต้องมีหลักฐานครบทั้งหมดอยู่แล้ว
ตร.เผย “ทวีวัฒน์” ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา
พ.ต.อ.อภิศักดิ์ โชติกเสถียร ผกก.สภ.ปากเกร็ด ให้ข้อมูลว่า วันนี้นายทวีวัฒน์ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา เขาได้นำเอกสารหลักฐานมายืนยันการเป็นเจ้าของเงิน 12 ล้าน ส่วนกรณีพบเงินสดอีก 3 ล้าน ในห้อง เบื้องต้นยังไม่ทราบข้อมูล แต่ตำรวจเข้าไปในห้องเพียงแค่ตรวจสอบว่ามีจุดที่น้ำรั่ว รอยน้ำ ตามคำที่กล่าวอ้างของเขาหรือไม่ ขอบเขตของการตรวจสอบในตอนนี้เฉพาะเงิน 12 ล้าน ที่พบเจอเท่านั้น และขณะนี้ยังไม่มีใครมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของเงินเพิ่มเติม
ด้าน พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ให้ข้อมูลว่า คดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ ได้เร่งดำเนินการใน 3 ส่วน ส่วนแรกเกี่ยวข้องกับ สภ.ปากเกร็ด ที่ต้องดำเนินการประสานงานกับทางธนาคาร และเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ สอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ 2 ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และส่วนที่ 3 เรื่องเงินว่าได้มาอย่างไร ซึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ประสานให้ตำรวจ บก.ปปป. และ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้ามาร่วมตรวจสอบ ส่วนธนบัตร 12 ล้านบาท ตำรวจจะต้องตรวจลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอเพิ่มเติม ธนบัตรออกมาจากธนาคารกสิกรไทยที่เดียว ผู้แสดงตนเป็นเจ้าของมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ ตำรวจจะนำข้อเท็จจริงจากธนาคาร และ พฐ. มาเทียบเพื่อยืนยันอีกครั้ง
ส่วนภาพกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบว่าไม่สามารถบันทึกได้ นอกจากนี้ยังเรียกพยานมาสอบเพิ่มเติมอีกหลายปาก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่พบเงิน ในส่วนจะเชื่อมโยงถึงใครจะขอดูข้อมูลจากธนาคารก่อน
พรุ่งนี้ (9 มิ.ย.) สอบสวนกลางประชุม 3 หน่วย หาที่มาเงิน 12 ล้าน
มีรายงานว่า เวลา 14.00 น. วันพรุ่งนี้ (9 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ จะเรียกประชุม 3 หน่วยงานหลัก ประกอบด้วย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยประเด็นในการประชุมเป็นส่วนของการตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินจำนวน 12 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย