ติวเข้มผู้ส่งออกรับมือสหรัฐ-จีน

กรุงเทพฯ 28 ม.ค. – พาณิชย์จับมือสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ติวเข้มผู้ประกอบการไทย เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์การค้าโลกปี 2562 แต่ยังมั่นใจส่งออกไทยปีนี้โตร้อยละ 8 



นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังเปิดงานสัมมนาและบรรยายพิเศษในงาน “อนาคตส่งออกไทยกับพลวัตของสงครามการค้า” ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศร่วมกับสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยรับมือสถานการณ์การค้าโลกปี 2562 โดยเฉพาะปัญหาทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย เช่น สหรัฐ จีน และผลที่จะเกิดขึ้นต่อการค้าโลก รวมทั้งไทย โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้แทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของไทย ได้แก่ อาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน เหล็กและอลูมิเนียม ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม ร่วมเสวนาวิเคราะห์สถานการณ์ แลกเปลี่ยนมุมมองต่อโอกาสทางการค้า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย โดยมีผู้สนใจจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 300 คน 


อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเริ่มมีข่าวว่าสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจมีแนวโน้มดีขึ้นจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้ง 2 ประเทศมีการพบหารือกันเป็นระยะและต่อเนื่อง เพื่อหาทางออกต่อปัญหาทางการค้าระหว่างกัน โดยมีข่าวว่าจีนอาจเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ เพื่อลดช่องว่างการขาดดุลทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ หาก 2 ฝ่ายสามารถหาข้อสรุปเป็นที่น่าพอใจร่วมกันได้ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคธุรกิจ และเป็นบรรยากาศที่ดีต่อการค้าและการลงทุนของโลก ขณะเดียวกันไทยอาจจำเป็นต้องเตรียมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น หากสหรัฐขาดดุลการค้าจากจีนลดลง เนื่องจากจีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นแทนการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น จะมีผลต่อการส่งออกของไทยไปจีนหรือไม่ อย่างไร หรือหากจีนพิจารณาย้ายฐานการผลิตสินค้าบางส่วนจากจีนไปตั้งในประเทศที่ 3 เพื่อลดการส่งออกโดยตรงจากจีนไปสหรัฐ ไทยจะสามารถดึงดูดจีนมาลงทุนในไทยได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไร และในสาขาการผลิตใด

ทั้งนี้ จากมาตรการทางการค้าที่ทั้ง 2 ประเทศใช้ในปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถิติการค้าระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงของไทยจากมาตรการของทั้ง 2 ประเทศ เบื้องต้นพบว่ามีสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐสูงขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากการส่งออกไปทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าไอซีที ส่วนสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนสูงขึ้น คาดว่าอาจเป็นเพราะไทยได้ประโยชน์จากการส่งออกไปทดแทนสินค้าสหรัฐในตลาดจีน เช่น น้ำมันปิโตรเลียมดิบ สินค้าเกษตร จำพวกผลไม้ และกุ้งแช่แข็ง ขณะเดียวกันสินค้าไทยที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐตามมาตรา 232 ทำให้การส่งออกเหล็กและท่อเหล็กของไทยลดลงปี 2561 ส่วนผลกระทบทางอ้อมที่อาจเกิดขึ้น คือ การเบี่ยงเบนทางการค้าของสินค้ามายังประเทศไทย โดยไทยมีการนำเข้าเหล็กจากจีนเพิ่มขึ้นปี 2561 และยังมีสินค้าที่จีนส่งออกมาไทยเพิ่มขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์บางรายการ และปัจจุบันสหรัฐยังอยู่ระหว่างการไต่สวนว่าจะประกาศใช้มาตรา 232 กับสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนที่นำเข้าจากต่างประเทศ หากในที่สุดแล้วสหรัฐตัดสินใจที่จะประกาศใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนจากประเทศต่าง ๆ ผู้ประกอบการไทยจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ ในฐานะที่ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตโลก จึงต้องติดตามสถานการณ์ทางการค้าที่จะเกิดขึ้นปี 2562 อย่างใกล้ชิด รวมทั้งสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เพราะมาตรการทางการค้าที่ทั้ง 2ฝ่ายใช้ต่อกันอาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อไทยได้ งานสัมมนาครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อเปิดให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาจากภาคส่วนต่าง ๆ ได้ฟังการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการค้าจากผู้เชี่ยวชาญทั้งนักวิชาการสายเศรษฐกิจ และภาคเอกชนนักธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อรักษาโอกาสและขยายการส่งออกของไทย และปี 2561 จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ารวม 80,136.4  ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 8.67 ขณะที่สหรัฐเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย โดยมีมูลค่าการค้ารวม 43,116 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 4.22 โดยช่วงนี้ไทยอยู่ระหว่างเฝ้าระวังและทุกฝ่ายอยู่ระหว่างที่จะทำงานร่วมกันที่จะเร่งผลักดันหาตลาดใหม่ ๆเพื่อให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปตลาดอื่น ๆ ทดแทน โดยเฉพาะเร่งเจรจาทำการค้าด้วยการเปิดตลาด FTA ภายใต้กรอบอาเซียนบวก 6 และไทยบวกตุรกีและไทยบวกปากีสถานที่คาดว่าจะมีผลทางปฏิบัติภายในปีนี้หรือปีหน้า และเชื่อว่าการส่งออกสินค้าไทยปีนี้จะเติบโตได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 8.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

งด ครม.

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” วันศุกร์

งด ครม. ทำเนียบวันนี้ เตรียมสัญจรครั้งแรก “เชียงใหม่-เชียงราย” ศุกร์นี้ นายกฯ ตั้งเป้าปีหน้าน้ำท่วมภาคเหนือต้องไม่เกิดอีก ด้าน ศปช. เตรียมเสนอแผนแก้อย่างเป็นระบบใน ครม.สัญจร ศุกร์นี้

วิเคราะห์การเมืองสนามใหญ่ หลังศึกเลือกตั้งนายก อบจ.

วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 4 สนามใหญ่ โดยเฉพาะอุดรธานี ที่สะท้อนถึงความนิยมในตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี