ค่ายรถยนต์เตือนปรับแต่งเครื่องยนต์ EGR Valve เสี่ยงมลพิษเพิ่ม

กทม. 25 ม.ค. – ค่ายรถยนต์เตือนปรับแต่งเครื่องยนต์อีจีอาร์อาจเสี่ยงสร้างมลพิษเพิ่ม ด้านจิ้งหรีดไทยลุยตลาดโลกโปรตีนสูงทางยุโรปนิยมทำเวย์โปรตีน





ในส่วนของไทย นักวิชาการก็บอกแล้วว่าส่วนหนึ่งปัญหาเกิดจากการปล่อยเขม่าจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ของรถยนต์ ในขณะที่ประชากรรถยนต์ในไทยเพิ่มสูงขึ้น ปีที่แล้วยอดขายทำสถิติสูงสุดใน 5 ปี การบำรุงรักษารถยนต์เป็นสิ่งสำคัญ ในขณะที่ภาครัฐมีการเร่งรัดใช้น้ำมันที่มลพิษต่ำทั้งไบโอดีเซล บี 20, การเร่งให้โรงกลั่นเร่งปรับมาตรฐานน้ำมันเป็นมาตรฐานยุโรประดับ 5 พร้อมๆ กับให้ค่ายรถยนต์เร่งผลิตเครื่องยนต์ยูโร 5 เช่นกัน เพราะยูโร 5 จะมีระบบบำบัดไอเสียที่การออกแบบห้องเผาไหม้ที่มีประสิทธิภาพสูง เผาไหม้หมดจด อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ต้องลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะในส่วนของโรงกลั่น คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทเลยทีเดียว


ในขณะที่แผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาวหรือ พีดีพี 2018 ระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วานนี้ ก็จะมีเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ร้อยละ 35 มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงเหลือร้อยละ 12 มีการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มมากขึ้นก็จะสอดคล้องกับข้อตกลงที่ไทยไปลงนามไว้ในประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 21 หรือ COP21 โดยประเมินว่าในปี 2580 จะลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 103,845 พันตัน

ในวันนี้ก็มีค่ายรถยนต์ คือ มาสด้า ออกมาระบุว่า มลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งคือการดัดแปลงเครื่องยนต์ให้ทำงานผิดไปจากเดิม อย่างแรกที่นิยมทำกันด้วยความเข้าใจ

ที่ผิดคือ การอุด EGR Valve ทั้งในเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อให้เครื่องเร่งไว และเข้าใจว่าเป็นการประหยัดพลังงานแต่ข้อเท็จจริงคือ EGR มีไว้เพื่อลดก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซที่เป็นพิษ ดังนั้นความนิยมทำการอุด EGR ด้วยแผ่นเหล็กแบบง่ายๆ เป็นการตัดการทำงานของระบบหมุนเวียนไอเสีย จะทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิและปฏิกิริยาทางเคมีในห้องเผาไหม้ได้ อุณหภูมิในห้องเผาไหม้จะร้อนผิดปกอาจทำให้เกิดการรั่วของอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ เกิดเขม่าสะสมมากผิดปกติ นำไปสู่ความเสียหายของเครื่องยนต์ได้อีกด้วย ซึ่งก็เป็นที่ทราบดี ฝุ่นขนาดเล็กมาก PM 2.5 มีแหล่งกำเนิดส่วนหนึ่งมาจากการที่ ไนโตรเจนออกไซด์ ไปทำปฏิกิริยากับสารอื่นในอากาศทำให้เกิดเป็นฝุ่นละเอียด กระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน และยังมีข้อแนะนำสำหรับประชาชนผู้ขับขี่รถยนต์ ในขณะที่อากาศไม่ดี ก็ให้เปิดแอร์โดยเลือกระบบอากาศแบบหมุนวนภายในห้องโดยสาร หรือถ้ามีแอร์ระบบอัตโนมัติ ให้ใช้โหมด Full Auto ควรหลีกเลี่ยงการเลือกระบบอากาศจากภายนอก

ไปอีกเรื่อง เรื่องอินเตอร์เช่นกัน เรื่องการค้าในอียู ในภาพเป็นงานในเยอรมัน International Green Week 2019 ซึ่งจัดตั้งแต่เมื่อวันที่ 18-27 มกราคม สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติหรือ มกอช. ได้ร่วมแสดงนิทรรศการในเรื่อง การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practice : GAP) สำหรับฟาร์มจิ้งหรีด เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหภาพยุโรปต่อความปลอดภัยของผลิตผลจากจิ้งหรีดของไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกที่มีมาตรฐาน GAP เป็นโรงเรือนระบบปิด สะอาด ใช้ใบไม้ ข้าวโพด ข้าว รำข้าวเป็นอาหารบอกเลี้ยงราว 45 วันก็ทำเงินได้แล้ว ในโอกาสนี้ ผู้ผลิตโปรตีนบาร์จากจิ้งหรีดของยุโรปได้เข้ามาชมบูธ และมีความพร้อมในการรับซื้อจิ้งหรีดจากประเทศไทย คาดว่าแมลงกินได้จะเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และประเทศไทยจะเป็นผู้ส่งออกสำคัญในตลาดแมลงกินได้ ขณะนี้ มกอช.ได้ดำเนินการจัดส่งข้อมูลทางวิชาการประกอบการจัดทำบันทึก (Dossier) ในการขอเปิดตลาดจิ้งหรีดไทยเพื่อให้สำนักงานความปลอดภัยอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) พิจารณาความปลอดภัยหรือหลักฐานการบริโภคก่อนอนุญาตเปิดตลาดนำเข้าอย่างเป็นทางการแล้ว

อย่างไรก็ตาม อย่างไม่เป็นทางการ ในขณะนี้ยุโรป/อเมริกา ก็นำเข้าจิ้งไหรีดจากไทยแล้ว โดย เจ้าของฟาร์มชุติกาญจน์  ฟาร์มจิ้งหรีดแห่งสุโขทัย เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันได้ทำจิ้งหรีดส่งออก 3 รูปแบบ ทั้งรูปเวย์โปรตีน หรือ จิ้งหรีดผงอบแห้ง ราคาสูงนับพันบาทต่อกิโลกรัม, ส่งออกในรูปตัวจิ้งหรีดอบแห้งราคา 600 บาท/กก. และส่งออกตัวจิ้งหรีดแช่แข็งก็ราคา 100 บาท/กก. มีกำลังผลิต 10 ตัน/ปี ขณะนี้ กระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ได้ส่งเสริมในรูปการเลี้ยงแบบแปลงใหญ่หรือรวมกลุ่มกัน เพื่อเพิ่มปริมาณและดูแลคุณภาพตามมาตรฐาน GAP โดยทางฟาร์มก็ได้จำหน่ายพันธ์ให้ลูกฟาร์มทั่วประเทศ 50-100 แห่ง และประกันราคารับซื้อด้วย

สำหรับจิ้งหรีดที่เลี้ยงขายจะมี 3 สายพันธุ์ คือ จิ้งหรีดทองแดง ตัวใหญ่กินอร่อย เนื้อหอมหวาน, จิ้งหรีดทองดำ เลี้ยงง่าย เป็นที่นิยม และ จิ้งหรีดบ้าน หรือสะดิ้ง พันธุ์นี้เลี้ยงง่ายและอดทน โดย “จิ้งหรีด” เป็นแมลงที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO ยกให้เป็นแหล่งโปรตีนที่มีความสะดวกและยั่งยืน ประมาณการว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 ล้านคนภายใน ปี พ.ศ.2593 ก็เสี่ยงจะทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร FAO จึงรณรงค์ให้รับโปรตีนจากแมลง ที่สำคัญจิ้งหรีดยังมีกรดอะมิโน, โอเมก้าบี, ไคติน ซึ่งเป็นสารเพื่อความงามอีกด้วย, ผลการศึกษาของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พบว่า โปรตีนที่ได้จากจิ้งหรีด 100 กรัม มีโปรตีนเวย์มากถึง 80%. ในขณะที่ เนื้อหมู ไก่ และวัว 100 กรัม มีโปรตีน 29-31% แต่ไม่มีโปรตีนเวย์เลย, กินจิ้งหรีดแค่ 1 ตัว เท่ากับกินเวย์โปรตีนแคปซูล 1.5 เม็ด และปีที่แล้วไทย มีเกษตรกรเลี้ยงจิ้งหรีด กว่า 20,000 ราย ผลผลิตปีละ 7,500 ตัน มีมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาทต่อปี .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย