ทำเนียบ 21 ม.ค.- นายกรัฐมนตรี ลงนามความร่วมมือโครงการ 1 ตำบล 1โรงเรียนคุณภาพ เพื่อให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล หรือ 1 ตำบล 1 โรงเรียนคุณภาพ ระหว่าง 7 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะมีความเข้มแข็งทางวิชาการและมีความพร้อมในการพัฒนา ด้านคุณธรรม จริยธรรม งานอาชีพ และ สุขภาพอนามัย สามารถให้บริการการศึกษาแก่นักเรียนและชุมชนได้ เป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม สำหรับนักเรียนในท้องถิ่นชนบท โดยในปีงบประมาณ 2562 กระทรวงศึกษาธิการ ได้คัดเลือกโรงเรียนที่ผ่านกระบวนการประชาคม 3 ระดับ ทั้งระดับตำบล อำเภอ และ จังหวัด รวมทั้งสิ้น 7,255 โรงเรียน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การศึกษาเป็นกลไกหลักในการพัฒนาชาติ ทำให้ประชาชนรู้จักเรียนรู้ พัฒนาคุณภาพชีวิต สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมการศึกษาให้กับประชาชนในทุกช่วงวัย การขยายตัวของโรงเรียนขนาดเล็กเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้ปริมาณครูไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน ทำให้การศึกษาไม่มีประสิทธิภาพ เด็กในชนบทขาดโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดโรงเรียนตัวอย่าง ซึ่งเป็นต้นแบบของโรงเรียนที่มีคุณภาพประจำตำบล ซึ่งนี่คือที่มาของโครงการ 1 ตำบล 1 โรงเรียนคุณภาพ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โครงการนี้แบ่งออกเป็น 3 ระยะตั้งแต่ปี 2562-2564 โดยระยะแรก ต้องทำให้ สถานศึกษาที่อยู่ในชุมชนรู้จักพัฒนาตัวเอง ปรับทัศนคติในการเรียนการสอน ระยะที่ 2 คือการสร้างความรู้สร้างภูมิคุ้มกัน โดยครูจะต้อง รู้มากขึ้นรวมถึงปรับรูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง และระยะที่ 3 คือการพัฒนาไปสู่ความเป็นโรงเรียนของชุมชน สร้างความเชื่อมโยงส่งเสริมให้คนในชุมชนรู้จักรักและห่วงแหนชุมชนของตัวเอง
“นี่คือสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ นี่คือการปฏิรูปการศึกษาของประเทศ สิ่งที่ทำอยู่นี้ ไม่ได้ทำให้การศึกษากลับสู่แบบเดิม คือการทุ่มงบประมาณลงไปแล้วสุดท้ายก็สูญเปล่าไม่เกิด ไม่ได้ทำให้ เกิดความเท่าเทียม อย่างยั่งยืน แต่โซเชียลมีเดียกลับบอกว่าสบายไม่ทำอะไรเลย จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันสร้างการรับรู้ เพราะคนเหล่านี้รู้แต่เพียงว่า ใครจะให้อะไรซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายสำหรับประเทศ วันนี้ประเทศกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทุกคนอยากเห็นความสงบเรียบร้อยจริง ขอว่าอย่าสร้างความขัดแย้งกันอีกเลย” นายกฯ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

