เลย 8 ม.ค.- ปัจจุบันราคาอ้อยเริ่มตกต่ำ รายได้จากการขายไม่คุ้มค่ากับการลงทุน เกษตรกรประสบปัญหาภาระหนี้สิน เกษตรกรหลายคนหันไปปลูกพืชอย่างอื่นทดแทน ในพื้นที่ จ.เลย มีสภาพอากาศ และภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกพืชสวนหลายชนิด โดยมีกาแฟเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่มีอนาคตค่อนข้างดี
นายนิวัติ นุราช เกษตรกรหนุ่มวัย 43 ปี แห่งบ้านลาด ต.โคกขมิ้น อ.วังสะพุง จ.เลย เป็นหนึ่งในผู้ที่เปลี่ยนจากไร่อ้อยเป็นสวนกาแฟ ประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ มีรายได้จากการขายเมล็ดกาแฟมากกว่ารายได้จากการขายอ้อยกว่า 4 เท่าตัว ลดภาระหนี้สิน และดีต่อสุขภาพ เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีปราบศัตรูพืชมากเหมือนการปลูกอ้อย
นายนิวัติ เล่าว่า ปลูกอ้อยมานาน 16 ปี ช่วงหลังเริ่มได้ผลผลิตน้อยลง เพราะดินเสื่อมจากการใช้สารเคมี ต้องเพิ่มปริมาณขึ้นทุกปี เพราะหากไม่ใช้ ผลผลิตก็จะน้อยลง ประกอบกับราคาอ้อยเริ่มตกต่ำ จึงตัดสินใจไถต้นอ้อยทิ้งทั้งหมด แล้วไปซื้อต้นกาแฟพันธุ์โรบัสตามาปลูก โดยที่ยังไม่มีประสบการณ์ ลองผิดลองถูก ปลูกแบบโล่งๆ กลางแจ้ง บนพื้นดินที่เสื่อมแล้ว ทำให้ต้นกาแฟแห้งเหี่ยว จนตนและครอบครัวเริ่มถอดใจ จะถอนทิ้งหมดแล้ว แต่เมื่อได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมก็พบว่า กาแฟต้องการร่มเงา จึงปลูกกล้วยแซม ปลูกฟักทองคลุมดิน พร้อมทั้งนำปุ๋ยคอกมาปรับปรุงดิน พยายามทำเกษตรแบบอินทรีย์ หลังจากนั้นปรากฏว่า ต้นกาแฟเริ่มฟื้นขึ้นมา และเติบโตจนให้ผลผลิตในปีที่ 4 ช่วงนี้กำลังเก็บเม็ดกาแฟรอบสุดท้ายของปีแล้ว
จากการเก็บผลผลิตมาขายในช่วงที่ผ่านมา ได้กาแฟเม็ดเชอร์รีรวมประมาณ 26 ตัน คัดให้เป็นเม็ดสารที่คัดคุณภาพแล้วเหลือ 5-6 ตัน ขายได้ตันละ 60,000-70,000 บาท หรือกิโลกรัมละ 60-70 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ดกาแฟ โดยส่วนใหญ่ขายให้โรงงานผลิตกาแฟรายใหญ่ของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ จ.ชุมพร
ส่วนหนึ่งก็นำมาแปรรูป ทำเป็นกาแฟเม็ดคั่วและกาแฟสดบดขาย หรือชนิดแบบซองดริปพร้อมดื่ม ให้ลูกค้าตามที่สั่งซื้อมา ทั้งแบบคั่วอ่อน กลาง และคั่วเข้ม โดยบรรจุถุงตราชายคากาแฟ @เลย เพิ่มมูลค่าได้อีก 3-5 เท่าตัว ซึ่งเมื่อเทียบกับรายได้จากการปลูกอ้อยในอดีต เมื่อหักต้นทุนทุกอย่างแล้ว ขายได้ประมาณ 80,000 บาท เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังเปิดเป็นร้านให้ภรรยาขายกาแฟสดที่หน้าบ้าน กาแฟที่ใช้ก็มาจากไร่ตัวเอง มีโรงคั่วกาแฟอยู่ด้านหลัง ถึงแม้จะเป็นพันธุ์โรบัสตา แต่กาแฟเรามีความสดใหม่ และคัดเมล็ดที่มีคุณภาพ เอาเฉพาะเมล็ดที่จมน้ำเท่านั้นมาขายให้ลูกค้า ทำให้กาแฟมีรสชาติหอมและกลมกล่อมไม่แพ้กาแฟพันธุ์อาราบิกา ซึ่งเคยมีผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟเคยยืนยันแล้วว่า กาแฟพันธุ์โรบัสตาปลูกในพื้นที่ จ.เลย มีคุณภาพสูงมาก
สำหรับการบำรุงดูแลรักษาต้นกาแฟนั้น นายนิวัติ บอกว่า ส่วนใหญ่ก็จะใส่ปุ๋ยคอก ขี้วัว ขี้ควาย ใช้น้ำหมักชีวภาพ ทั้งนมหมัก ปลาหมัก และฮอร์โมนไข่ ฉีดพ่นทางใบสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือ 15 วัน/1 ครั้ง ส่วนยาฆ่าแมลงก็ไม่ใช้สารเคมี ใช้บิวเวอเรีย และบีที ฆ่าเพลี้ยแป้ง แมลง หรือด้วง ฉีดพ่นในช่วงที่ระบาด
นายนิวัติ กล่าวอีกว่า หากเกษตรกรสนใจการปลูกกาแฟโรบัสตา นายนิวัติ ก็ยินดีให้คำปรึกษา และยังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยจะพาเยี่ยมชมทุกขั้นตอนการผลิตกาแฟ เริ่มตั้งแต่ในไร่กาแฟ การเก็บเมล็ด การคัดเมล็ด การตาก การคั่ว ซึ่งจะให้ผู้มาเยี่ยมชมได้คั่วและบดกาแฟ ชงดื่มเองได้ด้วย สนใจสอบถามหรือติดต่อเข้าเยี่ยมชมไร่กาแฟ และสั่งซื้อกาแฟ “ชายคากาแฟ@เลย” ได้ที่ โทร. 08-7773-3322.-สำนักข่าวไทย