กรุงเทพฯ 6 ม.ค. – กรมชลฯ เผยสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้หลายพื้นที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หลังพายุปาบึกเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลอันดามัน และยังคงเร่งระบายน้ำออกจากในพื้นที่ลุ่มต่ำอย่างต่อเนื่อง
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ (5 ม.ค. ) พายุดีเปรสชันปาบึกบริเวณทะเลอันดามันได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความอากาศต่ำกำลังแรง มีแนวโน้มว่าจะอ่อนกำลังลงอีกและสลายตัวไปตามลำดับ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนลดน้อยลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่กับมีลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในที่ลุ่มต่ำได้
ส่วนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบัน (6 ม.ค.) พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ระดับน้ำที่ท่วมขังในตัวเมืองเริ่มคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในถนนซอยประมาณ 20-30 เซนติเมตร บริเวณถนนพัฒนาคูขวางระดับน้ำลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ส่วนระดับน้ำในคลองนครน้อยหน้าเมืองมีระดับต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 8 เซนติเมตร มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับพื้นที่รอบนอกและพื้นที่ลุ่มต่ำยังคงเร่งสูบน้ำและผลักดันน้ำ เพื่อระบายน้ำลงสู่ลำคลองสายหลัก ระดับน้ำยังคงต่ำกว่าตลิ่งทั้งหมด คาดว่าสถานการณ์ในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายในเย็นวันนี้ ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 1-2 วัน
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอรอบนอกของจังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันที่อำเภอปากพนัง เนื่องจากอยู่ในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำยกตัวสูงขึ้นตามระดับน้ำทะเล ทำให้สามารถเปิดบานระบายน้ำได้ในช่วงเวลาน้ำลงเท่านั้น ทำได้เพียงเดินเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ โดยคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 10-15 วัน ส่วนที่อำเภอทุ่งสงและอำเภอหัวไทร สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
ขณะที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อำเภอบางสะพาน มีฝนตกในพื้นที่ตอนบน ประกอบกับมีคลื่นลมแรงและน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบริเวณที่ลุ่มต่ำของอำเภอบางสะพาน คาดว่าระดับน้ำสูงสุดที่สถานี GT.20 ระดับ 6.17 เมตร (รทก.) หรือสูงกว่าตลิ่งประมาณ 17 เซนติเมตร ในช่วงเวลา 09.00 น. วันนี้ (6 ม.ค.) คาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเย็นของวันนี้ จังหวัดชุมพร มีน้ำล้นตลิ่งคลองชุมพรที่สถานี x201A สูงสุดเมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ (5 ม.ค.) สูงกว่าตลิ่ง 1.91 เมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณสี่แยกปฐมพร ถนนเพชรเกษม และเมื่อเวลา 06.00 น.ที่ผ่านมา ระดับน้ำยังคงสูงกว่าตลิ่งประมาณ 36 เซนติเมตร มีแนวโน้มลดลง ประกอบกับยังคงมีน้ำทะเลหนุนสูง หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มอีก ระดับน้ำจะต่ำกว่าตลิ่งในช่วงบ่ายของวันนี้ (6 ม.ค.) ส่วนจังหวัดปัตตานี สถานการณ์น้ำท่า ลุ่มน้ำปัตตานีระดับน้ำวันนี้ อยู่ที่ 2.33 เมตร (รทก.) ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 33 เซนติเมตร เอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณชุมชนบ้านบริดอ อำเภอเมือง ก่อนเข้าเมืองปัตตานี คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันนี้ สำหรับในพื้นที่จังหวัดตรัง พัทลุง สงขลา และสตูล สถานการณ์น้ำยังปกติ ระดับน้ำท่าต่าง ๆ ต่ำกว่าตลิ่ง และมีแนวโน้มลดลง
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) ได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและได้คาดการณ์ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางในพื้นที่ภาคใต้ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนปาบึก จากการวิเคราะห์รายพื้นที่ พบว่ายังคงต้องพร่องน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีช่องว่างมากขึ้นไว้รองรับปริมาณน้ำที่จะไหลลงอ่างฯ จากฝนที่จะตกหนักลงมาอีกในระยะต่อไป ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำอ่างขนาดกลาง 7 แห่ง ได้แก่ เพชรบุรี 2 แห่ง ประจวบคีรีขันธ์ 2 แห่ง สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง และกระบี่ 2 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 26 แห่ง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี อ่างเก็บน้ำปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอ่างเก็บน้ำรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 23 แห่ง เพชรบุรี 2 แห่ง ประจวบคีรีขันธ์ 6 แห่ง สุราษฎร์ธานี 1 แห่ง ระนอง 1 แห่ง นครศรีธรรมราช 4 แห่ง ตรัง 2 แห่ง พัทลุง 2 แห่ง สงขลา 2 แห่ง กระบี่ 2 แห่ง และนราธิวาส 1 แห่ง.-สำนักข่าวไทย