เตรียมพร้อมรับมือ พายุปาบึก จ่อเข้าภาคใต้ 3-5 ม.ค.นี้

ภูมิภาค 2 ม.ค. – ภาคใต้ถกรับมือพายุปาบึก  ร้านค้า ปั๊มน้ำมันเตรียมพร้อม ด้านแท่นบงกชเหนือและใต้หยุดผลิตก๊าซ เพื่อความปลอดภัย






พื้นที่ภาคใต้ถกรับมือพายุปาบึก ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน เตรียมพร้อม ด้านแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยตอนล่างอพยพพนักงานตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม และล่าสุด แท่นบงกชเหนือและใต้หยุดผลิตก๊าซแล้วเพื่อความปลอดภัย


ในวันนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชนในทุกจังหวัดภาคใต้ เตรียมพร้อมที่จะรับมือ พายุโซนร้อนปาบึก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะเข้าไทยจุดใดที่ชัดเจน และมีขนาดเท่าใด โดยประกาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ในวันนี้ ระบุว่า พายุโซนร้อน “ปาบึก” ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน เคลื่อนลงอ่าวไทย 2-3 มกราคมนี้ และมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 มกราคมนี้

นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้เรียกประชุมคณะทำงานศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติระบุว่า พายุปาบึกจะเคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งอ่าวไทย มีผลกระทบมากในวันที่ 4 มกราคม จากการวิเคราะห์ความเร็วลมอาจสูงมากถึง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภาคใต้ทุกจังหวัดต้องเฝ้าระวัง คาดว่าพื้นที่จะได้รับผลกระทบมากและต้องเฝ้าระวังมากที่สุด คือ เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และระนอง คาดจะมีฝนตกหนักประมาณ 200-300 มิลลิเมตรต่อวัน ตลอดจนคลื่นลมในอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น และอาจเกิดคลื่นซัดฝั่งกำลังแรงความสูงคลื่นประมาณ 3-5 เมตร ซึ่งน้ำในเขื่อนที่ติดตามคือ เขื่อนปราณบุรีและเขื่อนแก่งกระจาน เนื่องจากทั้ง 2 แห่งนี้เคยเกิดปัญหาปริมาณน้ำล้นมาแล้ว ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยงดออกจากฝั่ง

ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี คลื่นลมมีกำลังแรงขึ้น ชาวประมง เรือท่องเที่ยว นำเรือไปหลบบริเวณอ่าวบ้านบางรักษ์ทั้งเรือท่องเที่ยว เรือเฟอร์รี่ และสนามบินสมุย ต่างมีแผนงานรองรับรับสถานการณ์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ว่าที่ร้อยตรี กิตติภพ รอดดอน นายอำเภอเกาะสมุย ขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมในการจัดการสาธารณภัย และแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงความห่วงใย โดยขอให้ทุกภาคส่วนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทางอำเภอขอให้จิตอาสาเข้าปฏิบัติหน้าที่ด้วยชุดผ้าพันคอสีเหลือง หมวกสีเหลือง เพื่อเข้าช่วยเหลือช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ และเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับนักท่องเที่ยว เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ประกาศปิดการท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 3-5 มกราคม เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

ไปที่ชุมพร ภาพที่เห็นนี่คือ หาดละแม ถ่ายจากบริเวณละแมรีสอร์ท ขยะเริ่มมาเพราะแรงคลื่นน้ำทะเลเปลี่ยนจากใสเป็นสีดำ เพราะแรงคลื่นทำให้ตีวนและเป็นตะกอนดำขึ้น ประธานหอการค้าชุมพร คุณสุพงษ์ เอื้ออารีย์ บอกว่า ขณะนี้มีคนถามว่าจะรุนแรงเหมือนพายุเกย์ไหม ก็ขอบอกว่าคงไม่ถึงขนาดนั้นเพราะความเร็วลมพายุเกย์นั้นสูงมากถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ที่ประกาศกรมอุตุเบื้องต้น คือ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งขณะนี้ก็เอกชนมีการเตรียมพร้อมร้านค้า ร้านอาหาร ตัดต้นไม้สูง อย่างไรก็ตาม จากที่ฝนทิ้งช่วงมานาน ดังนั้น หากฝนตกหนักก็คงจะระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนที่อพยพแล้ว คือ พนักงานผลิตและสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทย ตอนล่าง ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชลงไป ทั้งแหล่งขนาดใหญ่ เอราวัณ ปลาทอง บงกช อาทิตย์  โดยแท่นสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยมีทั้งหมด 420 แท่น มีพนักงานรวมๆ 3,000-4,000 คน มีกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ  2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และน้ำมันประมาณ 100,000 บาร์เรล ซึ่งนางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  ได้ประสานงานกับผู้ผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยผ่านห้องปฏิบัติการหรือ วอร์รูมเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก

เชฟรอนฯ และ ปตท.สผ.ได้ออกแถลงการณ์ จัดตั้งทีมงานจัดการกับสภาวะฉุกเฉิน อพยพพนักงานส่วนใหญ่ขึ้นฝั่ง เคลื่อนย้ายแท่นขุดเจาะและเรือสนับสนุนต่างๆ ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย  โดยการเตือนภัยแหล่งผลิตในอ่าวไทยตอนล่างขณะนี้ยกระดับเป็นโซนสีเหลืองและสีส้ม หรือระดับ 2 และ 3 จากที่มี 4 ระดับ เรียงจากความเสี่ยงน้อยไปมาก ได้แก่ โซนสีเขียว, สีเหลือง, สีส้ม และสีเแดง จะเริ่มอพยพตั้งแต่โซนสีเหลืองเป็นต้นไป

ช่วงวานนี้ แม้จะมีการอพยพพนักงาน แต่ การผลิตก๊าซฯ ยังปกติ แต่แถลงการณ์ล่าสุดฉบับที่ 2 ของ ปตท.สผ.ในบ่ายวันนี้ระบุว่า เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของแท่นผลิตก๊าซบงกชเหนือ และบงกชใต้ อยู่ในเส้นทางการเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อนปาบึก ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของพนักงานและกระบวนการผลิตบนแท่นทั้งสองโดยตรง ปตท.สผ. จึงมีความจำเป็นที่จะต้องระงับการผลิตก๊าซฯ จากทั้งสองแท่นไว้ชั่วคราว และส่งพนักงานที่เหลือทั้งหมดกลับขึ้นฝั่งที่จังหวัดสงขลา อย่างไรก็ตาม แท่นผลิตก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ยังคงดำเนินการผลิตก๊าซฯ ภายใต้มาตรการด้านความปลอดภัย เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้ก๊าซฯ ของประเทศ  โดยแหล่งบงกชนั้นมีกำลังผลิตราว 800-900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

ทั้งนี้ ก๊าซหายจากระบบดังกล่าวทาง กรมเชื้อเพลิง และ ปตท.ได้บริหารจัดการไม่ให้กระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้า ในขณะเดียวกัน บริษัทพีทีทีโออาร์ บริษัท ในเครือ ปตท.ได้สั่งการให้ทุกปั๊มเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งด้านความปลอดภัยของถังใต้ดินป้องกันน้ำรั่วซึมหากเกิดน้ำท่วม ให้มีการสำรองน้ำมันและอาหารในร้านค้าสะดวกซื้ออย่างเพียงพอ และพร้อมจะเป็นจุดประสานกับภาครัฐ และ ปตท. ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่

กทม. 28 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง และฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและอีสาน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ […]

กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา

กทม. 28 ก.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แจงภาพระเบิดอาคารร้างฝั่งกัมพูชา พบฝ่ายกัมพูชาตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งโจมตีพื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงกรณีมีภาพการระเบิดที่อาคารร้างฝั่งกัมพูชา ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์การระเบิดบริเวณอาคารร้างฝั่งกัมพูชาซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย ฝ่ายไทยมีการตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้ตั้งอาวุธยิงสนับสนุนวิถีโค้งไว้บริเวณพื้นที่พลเรือน และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับภารกิจทางทหารในหลายพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมากัมพูชาใช้อาวุธดังกล่าวในการโจมตีพื้นที่พลเรือนของฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อันถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์” (Human Shield) ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 จึงขอยืนยันว่า การใช้กำลังทางทหารของกองทัพไทยมุ่งเป้าเฉพาะไปยังเป้าหมายทางทหารที่ตรวจพบว่ามีการโจมตี หรือคุกคามต่อความมั่นคงของชาติไทย เท่านั้น ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี การเคารพในอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน และไม่ใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกกรณี แต่ต้องดำเนินมาตรการป้องกันตนเองจากภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ.-สำนักข่าวไทย

เขมรยิงจรวดตกใส่ชาวบ้านกันทรลักษ์ เสียชีวิตอีก 1 ราย

ศรีสะเกษ 27 ก.ค. – ไม่เลือกเป้าหมาย! กัมพูชายิงจรวดตกใส่บ้านเรือนประชาชน ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านเสียชีวิตอีก 1 ราย บาดเจ็บ 1 คน ด้าน ผบ.ตร.ลงพื้นที่ศรีสะเกษ กำชับดูแลทรัพย์สินประชาชน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ทำหน้าที่แข็งขัน .-สำนักข่าวไทย

เหตุปะทะชายแดนสุรินทร์รุนแรง ขยายวงกว้าง ยอดอพยพเพิ่ม

สุรินทร์ 27 ก.ค. – สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและขยายวงกว้าง โดยเฉพาะด้านปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม ทำให้มีผู้อพยพตามศูนย์พักพิงชั่วคราวพุ่งทะลุกว่า 50,000 คน เวลาราว 04.30 น. วันนี้มีการเปิดฉากปะทะกันอย่างหนัก ทั้งปืนเล็ก และปืนใหญ่ บริเวณปราสาทตาควาย ต่อด้วยปราสาทตาเมือนธม ที่อยู่ไม่ไกลกัน พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กระสุนจรวด BM 21 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ใกล้กัน ฟาร์มวัววากิว ยังมีวัวถูกสะเก็ดตาย 6 ตัว กระสุนยังตกกระจายตามทุ่งนารวม 9 ลูก ในพื้นที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท ส่วนตำบลตาเมียง และตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ก็มีกระสุนเข้าไปตกเป็นจำนวนมากเช่นกัน วิถีกระสุนที่มาตกไกลขึ้น ทำให้ศูนย์พักพิงชั่วคราวในตัวอำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ ต้องยุบเพิ่มเติมอีก 2 จุด ขณะที่ชาวอำเภอปราสาท ต่างแตกตื่นปิดบ้าน ปิดร้าน อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทำให้บรรยากาศในตลาดสดที่ปกติมีพ่อค้าแม่ค้ามาขายของจำนวนมาก วันนี้ลดลงถึง 80% โดยนายอำเภอปราสาท ให้ข้อมูลว่า […]