กรุงเทพฯ 18 ธ.ค.- สงครามการค้าจีน สหรัฐส่งผลกระทบต่อยอดส่งออกน้ำมันเครื่องของไทย ส่งผลยอดขายพีทีทีโออาร์ ไม่เติบโต ส่วนปีหน้าหวังลงทุนภาครัฐกระตุ้นยอดใช้ พร้อมประกาศลงทุนปีหน้า 1,000 ล้านบาท
นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า จากภาวะสงครามการค้าตลาดโลกจีน-สหรัฐในปีนี้ ได้กระทบต่อยอดส่งออกน้ำมันเครื่องของบริษัท ทำให้ส่งออกไม่ขยายตัวเป็นปีแรกในรอบหลายปี โดยเฉพาะตลาดจีน ในขณะที่ตลาดในประเทศปีนี้ก็ทรงตัวเพราะการลงทุนพื้นฐานของรัฐอยู่ในช่วงการประมูลเป็นหลักและจะเริ่มก่อสร้างในปีหน้า จึงคาดหวังตลาดรวมในประเทศจะขยายตัวประมาณร้อยละ 5 – 10 ส่งผลให้ยอดขายน้ำมันเครื่องของบริษัทในประเทศคาดจะเพิ่มจาก 150 ล้านลิตรเป็น 160 ล้านลิตร และยอดส่งออกน่าจะเพิ่มจาก 25 ล้านลิตร เป็น 30 – 40 ล้านลิตร โดยยอดขายรวมของบริษัทในปีนี้มีวงเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
“ปีนี้การแข่งขันขายน้ำมันเครื่องรุนแรงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับสงครามการค้าก็ทำให้ยอดขายของบริษัทไม่เติบโต นับว่าเป็นช่วงพักฐานเพื่อปรับกลยุทธ์ หลังจากในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมายอดขายเติบโตสูงมาก อย่างไรก็ตาม การสนับสนุน โมโตจีพี 2018 หรือแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกในไทยนับว่าสำเร็จมาก ก็ส่งเสริมทำให้แบรนด์ PTT เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น” นายบุรณิน กล่าว
สำหรับการลงทุนในปี 2562 ในกลุ่มน้ำมันหล่อลื่นและศูนย์บริการรถยนต์ ทางพีทีทีโออาร์ จะลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท โดยจะขยายศูนย์บริการ FIT AUTO เพิ่มจาก 40 แห่ง เป็น 50 แห่ง และเร่งก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าน้ำมันเครื่อง ที่บริเวณ ถนนเส้นบางนา – ตราด จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่ 150 ไร่ วงเงิน 700 ล้านบาท ซึ่งจะก่อสร้างเสร็จในต้นปี 2563 จะมีการนำระบบหุ่นยนต์มาใช้ดำเนินการ ซึ่งจะทำให้เกิดความรวดเร็วในการกระจายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งลดต้นทุนจากเดิมเป็นการเช่าคลังสินค้าในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในตลาดต่างประเทศ การค้าน้ำมันเครื่องจะปรับกลยุทธ์ ดูถึงการจ้างโรงงานในท้องถิ่นผสมน้ำมันเครื่องเกรดทั่วไป เช่น จีน และจะดูถึงการส่งเสริม “คาเฟอเมซอน” ออกไปพร้อมๆกัน ส่วนน้ำมันเกรดพิเศษจะยังใช้ฐานผลิตในไทย ในขณะเดียวกัน บริษัทได้พร้อมรับเทคโนโลยีที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่รถอีวีจะเข้ามามากขึ้น การใช้น้ำมันเครื่องอาจลดลง จึงพิจารณาเน้นการผลิตเกรดพิเศษ และการมุ่งไปสู่ลูกค้าอุตสาหกรรมมากขึ้น จากปัจจุบัน มีสัดส่วน อุตสาหกรรมต่อรถยนต์ อยู่ที่ร้อยละ 52 ต่อ 48 ก็จะเพิ่มเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ต่อ 40 ในช่วง 5 – 10 ปีข้างหน้า
ส่วนทิศทางราคาน้ำมันที่ต่ำสุดรอบ 14 เดือน จากความกังวลต่อภาวะ Oversupply และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวนั้นหากลดลงต่อเนื่องก็จะมีผลทำให้ต้นทุนและราคาขายต่ำลงเช่นกัน
“กลยุทธ์แต่ละปีในด้านน้ำมันเครื่องจะใช้งบประชาสัมพันธ์ราว 300 ล้านบาท ซึ่งจากการปรับตัวของเทคโนโลยีทางบริษัทก็จะเน้นด้านสื่อสังคมออนไลน์ การทำ SPORT MARKETING เพราะฐานลูกค้าในขณะนี้เริ่มมีการซื้อขายผ่านออนไลน์มากยิ่งขึ้น และในช่วงเทศกาลปีใหม่ทางบริษัทได้ตอบแทนลูกค้าด้วยปฎิทินรูปแบบของจีน เป็นภาพเทพเจ้าแห่งโชคลาภ คือ ไฉ่ซิงเอี๊ย ” นายบุรณินกล่าว . – สำนักข่าวไทย