เชียงใหม่ 7 ธ.ค. – ความสวยงามของธรรมชาติบนดอยหลวงเชียงดาว ดึงดูดผู้คนจำนวนมากที่อยากขึ้นไปสัมผัสความสวยงามสักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวแห่ขึ้นไปเกือบ 20,000 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับมาตรการ ทั้งจำกัดจำนวนคน การขนขยะลงมา และปีนี้เป็นปีแรกที่แจกถุงฉุกเฉินในการขับถ่ายให้สามารถย่อยสลายและนำกลับลงมาด้วย เพื่อรักษาสภาพธรรมชาติของดอยหลวงเชียงดาวให้สวยงามยั่งยืน ติดตามในรายงานชุด “สัมผัสเสน่ห์ดอยหลวงเชียงดาว…สวรรค์แห่งยอดดอย” วันนี้เสนอเป็นตอนสุดท้าย
ตามเส้นทางเดินเท้าขึ้นสู่ดอยหลวงเชียงดาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว ช่วงนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ดั้นด้นขึ้นไปสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามของยอดดอยแห่งนี้ ที่เปิดเพียง 4 เดือน จากพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ แม้จะต้องใช้เวลาเดินเท้านานถึง 6 ชั่วโมง แต่ก็คุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อย ทุกปีมีผู้คนขึ้นดอยหลวงเชียงดาวมากมาย โดยเฉพาะ 2 ปีที่แล้ว พุ่งสูงเกือบ 20,000 คน จนคนและขยะล้นดอย รวมทั้งการปัสสาวะและขับถ่ายที่เริ่มส่งผลกระทบกับธรรมชาติและสัตว์ป่า โดยเฉพาะกวางผา ซึ่งมีมากกว่า 100 ตัว
ปีนี้เจ้าหน้าที่จึงปรับระเบียบการขึ้นดอยหลวงเชียงดาว ตั้งแต่การลงทะเบียนล่วงหน้าในระบบก่อน 5 วัน จำกัดจำนวนคนขึ้นเหลือไม่เกินวันละ 150 คน ปิดการขึ้นทุกวันพุธ นับจำนวนขยะที่ขนขึ้นไป พร้อมจ่ายมัดจำค่าขยะ คนละ 500 บาท ซึ่งจะได้รับเงินคืนหลังนำขยะกลับลงมา และเป็นปีแรกที่นำถุงขับถ่ายฉุกเฉิน สำหรับถ่ายเบาและถ่ายหนัก มาใช้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นแห่งแรกของไทย
ในถุงยังมีถุงดำที่ทำจากมันสำปะหลัง ซึ่งย่อยสลายได้ สำหรับขับถ่ายบนดอย ถุงขับถ่ายฉุกเฉินเน้นให้ใช้ระหว่างทางเดินเท้า ระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาราว 6 ชั่วโมง ส่วนบริเวณจุดค้างแรมจะมีห้องน้ำชั่วคราว สามารถถ่ายหนัก-ถ่ายเบาลงในถุงดำ และนำไปทิ้งตามจุด ซึ่งจะย่อยสลายใน 180 วัน แต่ถุงเจลปัสสาวะต้องนำกลับลงมาจากดอยหลวงเชียงดาว
ดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ทั้งพรรณพืชและสัตว์ป่า จนหลายคนขนานนามว่า “สวรรค์แห่งยอดดอย” ผู้ที่ขึ้นไปจึงต้องช่วยกันรักษาธรรมชาติที่สวยงามเอาไว้ เพราะดอยหลวงเชียงดาวที่สูงเสียดฟ้าไม่ปรารถนาผู้พิชิต แต่ต้องการผู้มาเยือนที่ร่วมกันอนุรักษ์ ซึ่งเหมือนกับช่วยดูแลชีวิตให้ดอยหลวงเชียงดาวสวยงามอย่างยั่งยืน. – สำนักข่าวไทย