กกร.ฟันธงปีนี้เศรษฐกิจโตร้อยละ 4.4

กรุงเทพฯ 4 ธ.ค. – กกร.ประเมินเศรษฐกิจปีนี้โตร้อยละ 4.4 ส่งออกคาดโตร้อยละ 8.0 ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจโตร้อยละ 4-4.3 ส่วนส่งออกโตในกรอบร้อยละ 5-7 คาดช้อปช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 – 1.5 หมื่นล้านบาท



นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ว่า ที่ประชุมประเมินเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี 2561 เติบโตชะลอลงจากช่วงครึ่งปีแรกจากการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวดีขึ้น จากแรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการส่งออกที่เติบโตสูงขึ้น จากผลดังกล่าวที่ประชุม กกร. มองว่าเศรษฐกิจปี 2561 จะยังขยายตัวไม่ต่ำกว่ากรอบล่างของประมาณการร้อยละ 4.4 เช่นเดียวกับการส่งออกที่คาดว่าจะยังเติบโตได้ในกรอบล่างของประมาณการที่ร้อยละ 8.0


สำหรับปี 2562 นั้น การส่งออกของไทยอาจมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงตามการชะลอตัวของทิศทางเศรษฐกิจหลักต่าง ๆ ในโลกที่ยังเผชิญความไม่แน่นอนหลายประการ ขณะที่ยังต้องติดตามประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หากคลี่คลายไปในทางที่ดีจะช่วยบรรเทาผลกระทบที่มีต่อการส่งออก

ทั้งนี้ กกร. มองว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยคงจะต้องพึ่งพาการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนที่จะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนอย่างต่อเนื่องของภาครัฐและการใช้จ่ายของครัวเรือนภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อผนวกกับการทยอยฟื้นตัวของการท่องเที่ยว เบื้องต้น กกร.ประเมินว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2562 น่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4.0 หรืออยู่ในกรอบประมาณการที่ร้อยละ 4.0-4.3 โดยประเมินว่าการส่งออกปี 2562 อาจขยายตัวในกรอบร้อยละ 5-7 จากการส่งออกที่ขยายตัวทั้งในหมวดสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง หมวดสินค้าก่อสร้าง สิ่งทอ ไปยังตลาดสำคัญ ๆ ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.8-1.2 

สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2562 ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงมากมายไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของสงครามการค้าและความเสี่ยงของสถานการณ์ Brexit  ตลอดจนการฟื้นตัวกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ทั้งนี้ ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย  ตลอดจนราคาพืชผลทางการเกษตรในประเทศที่จะมีผลต่อการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ปัจจัยบวกปี 2562 คือ บรรยากาศของการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้เป็นปกติในช่วงกลางปี 2562  หากปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกคลี่คลายโดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน  


ด้านมาตรการช้อปช่วยชาติรอบใหม่ที่จะเริ่ม 15 ธ.ค. 2561-15 ม.ค.2562 นั้น จะช่วยให้เกษตรกรสวนยาง และชุมชนต่าง ๆ มีรายได้มากขึ้น ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นประมาณ 10,000 – 15,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อบรรยากาศการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มจีดีพีของไทยร้อยละ 0.1-0.2 

สำหรับการที่ประเทศไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนและเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนเจ้าภาพ ASEAN ในปีหน้านั้น  กกร.มอบหมายสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจอาเซียน-ประเทศไทย (หรือ ASEAN-BAC Thailand) เพื่อจัดกิจกรรมในส่วนของภาคเอกชน เช่น การประชุมสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN-BAC)  และการสัมมนาหัวข้อต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่สนใจ รวมถึงการจัด ASEAN Business Awards และ  ASEAN Business & Investment Summit (ABIS) คู่ขนานไปกับการประชุมผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit)

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27-28 พ.ย.2561 ภาคเอกชนได้มีโอกาสนำเสนอ 6 ประเด็น เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลระหว่างประเทศไทยและประเทศเยอรมนี เช่น ส่งเสริมการอบรมพัฒนาวิชาชีพอาชีวศึกษาทวีภาคีตามระบบของประเทศเยอรมนี ความร่วมมือกับ MESSE เพื่อส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการจัดกิจกรรม MICE ในภูมิภาคอาเซียน การเชิญชวนบริษัทประกันภัยต่อของเยอรมันจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคขึ้นในประเทศไทย การส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเยอรมนีและประเทศไทย โดยการเชิญชวนนักท่องเที่ยวเยอรมันเดินทางท่องเที่ยวเมืองรอง นอกเหนือเมืองหลัก และการเชิญชวนสถาบัน Fraunhofer IPK จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ Eastern Economic Corridor of Innovation (EECi)

นายกลินท์ กล่าวว่า ทาง กกร.มอบหมายคณะทำงานประสานงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อหารือการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือ กรอ.ส่วนกลาง  ซึ่งจะครอบคลุมภายใต้กรอบ 5 กลุ่มเรื่อง ได้แก่ การส่งเสริมการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ การส่งเสริมอุตสาหกรรม การส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการ  การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ และการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ ส่วนโครงการ Downtown VAT Refund for Tourists กรมสรรพากรจะประกาศให้มีการเปิดบริการจุดรับคืนภาษีในเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสกุลเงินบาทเพิ่มอีก 5 จุด เร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นการทดลองจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2562 ได้แก่ สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลชิดลม โรบินสันสุขุมวิท และเอ็มโพเรียม เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า  กกร.ยังได้จัดตั้งคณะทำงานภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านอาชีวศึกษาและหารือความต้องการแรงงานและแนวทางพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อรองรับตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้