รัฐสภา 3 ก.ย.- “ภราดร” ซัด “ฉลาด” ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง เข้าข้าง “เพื่อไทย” หลังประชุมวิปไร้ข้อสรุปวันโหวตเลือกนายกฯ อ้าง 2 เหตุผล รอศาลรธน.-ยุบสภา บอก “ภูมิใจไทย” เข้าตามตรอกออกตามประตู เชื่อ “วันนอร์” บรรจุวาระเร่งด่วนทัน
เมื่อเวลา 15.43 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร (วิป) ว่า หลังจากที่นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. บัญชีรายชื่อ ประธานสส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้แถลงข้อสรุปที่ประชุมวิป ที่ไม่มีข้อสรุป โดยตนขอตำหนิการทำหน้าที่นายฉลาด ซึ่งได้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ท่านเคยปฏิญาณตนไว้ว่าจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง แต่ในที่ประชุมวิป ท่านไม่ได้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางเลย ท่านทำหน้าที่เข้าข้างพรรคการเมืองที่สังกัดอยู่
นายภราดร กล่าวว่า ในที่ประชุมฝ่ายตนเห็นว่า ในช่วงเช้าพรรคประชาชนได้แถลงการณ์อย่างชัดเจนว่าพรรคมีมติอย่างไร และในช่วงสายนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ได้เซ็น MOA กับพรรคประชาชนเรียบร้อย ตนในฐานะสส. จึงได้ยื่นหนังสือให้กับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ตามกติกามารยาท ว่าได้รวบรวมเสียงเพียงพอแล้ว สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 ก.ย. นี้ได้ แต่ในที่ประชุมวิปทางพรรคเพื่อไทย ได้ยก 2 เหตุผล คือเรื่องวันประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และภายหลัง ราชกิจจานุเบกษาประกาศลงวันที่ 30 ส.ค ฉะนั้นข้อสงสัยว่าจะเกิดปัญหากับคำวินิจฉัยหรือไม่ จึงไม่สมควรที่จะเป็นข้อสงสัยอีกต่อไป แต่ทางพรรคเพื่อไทย ได้รวบรวม 20 รายชื่อสส. ประธานสภาฯ ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ และอ้างว่ายังอยู่ในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้ยังไม่สามารถเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 ก.ย. นี้ได้
นายภราดร กล่าวว่า ส่วนอีกหนึ่งเหตุผล เรื่องการยุบสภา ซึ่งตนเห็นว่าการประกาศยุบสภาต่อสาธารณะ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควร และไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง ในประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา ไม่เคยมีการประกาศยุบสภาต่อหน้าสาธารณะชน เพราะอำนาจยุบสภา เป็นอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ ตนและน.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ได้ทักท้วงในที่ประชุมว่าหนังสือที่เชิญมาประชุม คือให้พิจารณา การบรรจุวาระเลือกนายกฯ ในวันที่ 5 ก.ย. นี้หรือไม่ แต่ในที่ประชุมไม่มีการพูดถึง มีเพียง 2 เรื่อง ที่นำมากล่าวอ้าง ในขณะที่พวกตนได้แสดงเหตุผล ว่าในฝ่ายนิติบัญญัติไม่มีหน้าที่ต้องรอคำวินิจฉัย ของฝ่ายตุลาการ หรือฝ่ายบริหารจะมีความคิดเห็น ว่าจะยุบสภาก็เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติก็ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อนายกฯ พ้นจากตำแหน่ง ทางสภาฯ จำเป็นต้องเลือกนายกฯโดยด่วน และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ควรดำเนินการตามข้อบังคับ
“ผมก็เข้าตามตรอกออกตามประตู วันนี้ยื่นหนังสือ 24 ชม. หรือ 1 วันตามข้อบังคับ ประธานสภาฯ สามารถบรรจุระเบียบวาระเร่งด่วนเพื่อให้สภาฯได้มีการประชุมหารือกันได้ แต่ในที่ประชุมวิป ไม่มีข้อสรุป และได้นำข้อเสนอของทั้ง 2 ฝ่าย คือ พรรคภูมิใจไทยได้เสนอว่าให้เลือกนายกฯ วันที่ 5 ก.ย. และทางพรรคเพื่อไทยเสนอให้เลื่อนไปก่อน โดยไปแจ้งต่อประธานสภาฯ ซึ่งอำนาจในการบรรจุระเบียบวาระเป็นอำนาจของประธานสภาฯโดยแท้ ก็อยู่ที่ประธานสภาฯ ว่าจะให้ความสำคัญกับองค์กรนิติบัญญัติหรือไม่ จะเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่” นายภราดร กล่าว
เมื่อถามว่าประธานสภาฯจะบรรจุทันภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า “ทันครับ ตามข้อบังคับ ประธานสภาฯ สามารถบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนได้”
เมื่อถามว่าจากที่มีการยื่นให้ประธานสภาฯ บรรจุวาระ หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมในเรื่องนี้หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตนพูดชัด และหวังว่าประธานจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างตรงไปตรงมา และเราในฝ่ายนิติบัญญัติต้องแยกอำนาจให้ชัด ซึ่งมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ คือการเลือกนายกฯ คนใหม่โดยเร็ว ฉะนั้น ต้องคาดหวังจากประธานสภาฯ ว่าจะเร่งบรรจุระเบียบวาระ
ส่วนหากมีการแก้เกมยื้อเวลาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จะแก้แกมอย่างไร นายภราดร กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าประธานรัฐสภาเป็นผู้ใหญ่ และในช่วงที่ไปยื่นหนังสือ ท่านบอกจะทำตามรัฐธรรมนูญและทำตามข้อบังคับ ซึ่งมั่นใจว่าประธานจะทำหน้าที่เพื่อความเป็นกลางและบรรจุระเบียบวาระในวันศุกร์ที่ 5 ก.ย. .-316 -สำนักข่าวไทย