นายกฯ หารือทวิภาคีเยอรมนี

สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 28 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคี นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น 


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือทวิภาคีกับนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีระหว่างวันที่ 26-29 พฤศจิกายน พร้อมเปิดเผยว่า การมาเยือนครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากรัฐบาลในการอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างเต็มที่ ตนเคยพบกันหลายครั้งในเวทีต่างๆ แต่วันนี้ เป็นการพบอย่างเป็นทางการครั้งแรก ดังนั้น แสดงให้เห็นถึงความสนใจและความสัมพันธ์ที่ดีของไทยกับเยอรมันที่มีอย่างยาวนานกว่า 156 ปี และความสัมพันธ์จะแน่นแฟ้นมากขึ้นอีกจากนี้ไป โดยปีหน้า ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน ส่วนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีก็จะเป็น สมาชิกไม่ถาวรของสหประชาชาติ ก็คงจะช่วยกันขับเคลื่อนในประเด็นของภูมิภาค ทั้งความมั่นคงและสันติภาพ เพราะสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเป็นผู้นำสหภาพยุโรปในการดูแลภูมิภาคต่างๆ ซึ่งการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับยุโรปจะต้องมีความใกล้ชิดกันเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีจะเข้าร่วมการประชุมจี 20 ที่ประเทศอาร์เจนตินาในเร็วๆนี้ ก็คงจะมีการหารือกันในหลายประเด็น ซึ่งวันนี้ได้พูดถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับภูมิภาค ตลอดจนความสัมพันธ์ของอาเซียนและอียู ช่วงที่ผ่านมาต้องขอบคุณสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีในการปรับข้อมติของอียู ทำให้ประเทศในอียูได้มีปฏิสัมพันธ์กับประเทศไทย ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-เยอรมัน ต้องการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากเยอรมันที่มีความก้าวหน้าทั้งเรื่องสตาร์ทอัพและ SME การค้าการลงทุนระหว่างประเทศ การเรียนรู้ระบบราง อุตสาหกรรมรถยนต์สมัยใหม่ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงปัญหาโลกร้อนและปัญหาผู้อพยพ สำหรับประเทศไทย กำลังเดินหน้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตรงกับเยอรมันที่ดำเนินการมาแล้ว ก็จะต้องศึกษาว่าเยอรมันทำอย่างไร อียูทำอย่างไร ไทยต้องปรับแก้อะไรหรือไม่ ซึ่งไทยก็ปรับแก้ไปมาก และขณะนี้อียูก็สนใจลงทุนใน EEC ของไทยมากขึ้น รวมถึง EECI และ EECD ด้วย


ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำกับนางอังเกลาว่า ไทยกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ หวังว่า จะเป็นการเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ยืนยันว่า รัฐบาลให้เสรีกับพรรคการเมืองมาโดยตลอด

ขณะที่นางอังเกลา ยืนยันว่า พร้อมสร้างความร่วมมือในกรอบของอาเซียน และพร้อมเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ต่อไป พร้อมกันนี้ ยังแสดงความยินดีต่อพัฒนาการการเมืองของไทยที่เดินหน้าเป็นไปตามโรดแมป โดยหวังว่าการเลือกตั้งของไทยจะประสบความสำเร็จ ซึ่งเยอรมันพร้อมจะให้ความร่วมมือกับไทยในทุกด้าน

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางไปศึกษาดูงานของสถาบันวิจัยประยุกต์เฟราน์โฮเฟอร์ ไอพีเค โดยนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สิ่งที่ต้องการคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งวันนี้มีนักวิจัยของไทยตามมาศึกษาดูงานด้านการวิจัยด้วย เพื่อนำไปปรับใช้กับประเทศไทยในการพัฒนาด้านต่างๆ ซึ่งเยอรมันก็สนใจประเทศไทยอย่างมาก เพราะมีหลายบริษัทเข้ามาลงทุนในไทย ขณะที่ภาคเอกชนไทยลงทุนในเยอรมันจำนวนมากเช่นกัน โดยเยอรมันมีแผนขยายกิจการรถยนต์ ยานยนต์และสนใจเรื่องทางรางใน EEC ด้วย นอกจากนี้ การค้าการลงทุนระหว่างไทยและเยอรมัน ยังมุ่งหวังที่จะขยายการค้าการลงทุนจาก 1.1 หมื่นล้านยูโร เป็น 1.5 หมื่นล้านยูโรด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น-ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น เตือนภาคใต้ตอนล่างฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่