ไม่แปลกใจพล.อ.ประยุทธ์รอเทียบเชิญลงบัญชีนายกฯ

พรรคประชาธิปัตย์  27 พ.ย.-อภิสิทธิ์ไม่หวั่นอดีตส.ส.ย้ายพรรค ไม่แปลกใจพล.อ.ประยุทธ์รอเทียบเชิญลงบัญชีนายกฯ 


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ของพรรคย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นถึง 17 คนว่า ไม่มีปัญหา เพราะการเลือกตั้งทุกครั้งก็มีปรากฏการณ์แบบนี้ มั่นใจว่าพื้นที่ที่มีคนลาออกไปมีคนมาทำงานในนามพรรคที่มีคุณภาพ สามารถทำงานให้ประชาชนได้เป็นอย่างดี จึงถือเป็นเรื่องดีที่การโยกย้ายสิ้นสุดลงแล้ว เพราะประชาชนจะได้เห็นภาพชัดเจน ซึ่งจะทำให้เกิดคำถามเรื่องอุดมการณ์ว่ามีความหมายมากน้อยเพียงใด เพราะถ้าทุกครั้งที่เลือกตั้งจะมีการย้ายสังกัดโดยไม่ทราบด้วยว่าพรรคการเมืองนั้นมีอุดมการณ์ นโยบายอย่างไร เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง 


“เมื่อตรงนี้จบแล้วก็เป็นเวลาที่แต่ละพรรคจะไปเสนอความคิดให้ประชาชนรับทราบ โดยประชาชนจะทำหน้าที่กลั่นกรองนักการเมืองผ่านกระบวนการเลือกตั้ง และผมยังเชื่อว่าคนที่ไปคิดตัวเลข สมการแบบเดิมจะไม่เป็นอย่างที่คิด ที่คิดว่ามีอดีตส.ส.เยอะแล้วเพราะหลังเลือกตั้งจะยังมีอดีตส.ส.เยอะอยู่ เช่น พรรคพลังประชารัฐที่ได้อดีตส.ส.ไปเยอะก็อาจจะได้อดีตส.ส.เยอะหลังการเลือกตั้งด้วย เพราะนับตามจำนวนอดีตส.ส.แล้ว แต่ การเมืองไม่เป็นอย่างนั้น การเลือกตั้งทุกครั้งมีคนใหม่เข้ามาร้อยละ 20-30 เพราะฉะนั้นความเปลี่ยนแปลงเกิดได้ตลอด” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

ส่วนการสร้างคนใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ดีใจที่มีคนรุ่นใหม่สนใจเข้าสู่การเมืองมากขึ้น ถ้าเทียบกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะว่างเว้นมานานและมีคนอีกรุ่นหนึ่งที่คิดว่าจะปล่อยการเมืองให้เดินไปโดยที่เขาไม่มีส่วนร่วมไม่ได้แล้ว จึงหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาการเมืองของเรา ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้าเป็นการเลือกตั้งที่ประเทศกับประชาชนได้ประโยชน์ จึงต้องหนีจากการนับหัวอดีตส.ส. เพราะต้องให้การเลือกตั้งเป็นเรื่องที่ประชาชนจะเลือกว่าต้องการให้ประเทศไทยเดินไปทิศทางใด 

“อยากจะให้การบริหารบ้านเมืองเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ก็มีพรรคการเมืองที่บอกว่าเชื่อมั่นในแนวทางนี้ หรืออยากให้บ้านเมืองเป็นเหมือนก่อนการปฏิวัติก็มีพรรคการเมืองที่ยังยืนยันว่าจะทำแบบเดิม ๆ ส่วนประชาธิปัตย์ชัดเจน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นทางหลักและเป็นทางออกของประเทศ โดยยึดหลักคิดเสรีนิยมประชาธิปไตย เอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง เช่น เศรษฐกิจไม่มุ่งที่ตัวเลขภาพรวมอีกต่อไป แต่เจาะไปว่าจะแก้ปัญหาให้คนทุกกลุ่มอย่างไร และลดความเหลื่อมล้ำในเชิงโครงสร้างอย่างไร” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าร การเมืองอาจจะมีมากกว่า 3 ขั้ว คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ แล้วแต่ว่าจะมีใครเสนอตัวเป็นขั้วที่ 4 ที่ 5 หรือไม่ แต่ความพยายามที่จะบีบให้เหลือ 2 ข้างนั้นไม่จริง พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนใจเล่นเกมเลือกขั้ว เพราะประเทศมีทางเลือกที่ดีกว่านั้น จึงต้องการยกระดับให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้

“บางคนบอกให้เลือกระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ผมไม่แน่ใจว่าคนที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น เป็นประชาธิปไตยด้วยจิตวิญญาณจริงหรือไม่ และมีส่วนทำให้สูญเสียประชาธิปไตยมาก่อนหน้านี้หรือไม่ บางคนบอกว่าให้เลือกระหว่างคนดีกับคนไม่ดี ก็อยากให้ดูว่าคนดีดีจริงหรือเปล่า เพราะฝ่ายที่อ้างตัวเองเป็นคนดีก็ทำตัวเหมือนคนไม่ดีเคยทำ หรือบางทีก็เอาคนที่บอกว่าไม่ดีแล้วบอกว่าเขาเป็นคนดีแล้ว เราต้องเอาการเมืองพ้นจากสิ่งเหล่านี้ แล้วมาถกกันว่าต้องการให้บ้านเมืองไปในทิศทางไหนจะเดินแบบรวมศูนย์อำนาจหรือประชานิยม หรือจะเลือกแนวทางของประชาธิปัตย์ก็ว่ากันมา” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าพรรคเพื่อไทยใช้กลยุทธ์แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ขณะที่พรรคพลังประชารัฐใช้วิธีรวมแบงก์ร้อยเป็นแบงก์พัน พรรคประชาธิปัตย์จะใช้กลยุทธ์ทางการเมืองอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้สนใจเรื่องแบงก์ แต่สนใจว่าอยากยกระดับการเมืองไทยให้หลุดพ้นจากการใช้เล่ห์เหลี่ยม ใช้ช่องของกฎหมายหรือวิธีต่อรองเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ ประชาธิปัตย์เสนอแนวทางตรงไปตรงมา ซึ่งตัวตนของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ที่อุดมการณ์ นโยบายและบุคลากร โดยคนที่อยู่ที่นี่ต้องมีความชัดเจนและมั่นคง เพื่อเป็นทางเลือกที่เป็นหลักให้ประเทศ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐใช้โครงการโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มาเป็นฐานหลักในการหาเสียงพื้นที่ภาคตะวันออกว่า เป็นสิทธิของแต่ละพรรค ในส่วนของประชาธิปัตย์ยังมั่นใจว่าภาคตะวันออกที่ประชาชนเคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความมั่นคงในคะแนนเสียงอยู่ และคิดว่าทางเลือกที่เสนอคือการพัฒนาพื้นที่โดยคำนึงถึงชุมชนและคุณภาพชีวิตมากกว่าการเอาตัวเลขไปโฆษณาว่ามีเงินลงทุนเท่านั้นเท่านี้ แต่ไม่ปรากฏชัดว่าประโยชน์ที่เกิดกับประชาชนและชุมชนคืออะไร

ส่วนท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ประกาศพร้อมลงบัญชีรายชื่อผู้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่มาทาบทาม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่แปลกใจ แต่การที่ทั้งพล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีทั้งหลายยึดถือเพียงแค่ตามกฎหมาย โดยไม่ดูเจตนารมณ์ แสดงให้เห็นว่าไม่มีความพยายามที่จะยกระดับการเมืองให้ดีขึ้น ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่คิดจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเสนอตัวเป็นทางหลักของประเทศและจะแข่งขันบนแนวคิดนี้ โดยเคารพการตัดสินใจของประชาชน ส่วนจะทำงานกับใคร จะสนับสนุนใครหรือให้ใครมาสนับสนุน เราต้องยึดแนวทางเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 163 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 20 ส.ค. – หนีไม่รอด รวบโจรสวมชุดไรเดอร์ บุกเดี่ยวชิงทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทอง 163 บาท พบของกลางบางส่วนซุกตู้ลำโพงในบ้าน จากกรณีคนร้ายแต่งตัวคล้ายไรเดอร์ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทอง พร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน ก่อนกระโดดข้ามตู้หน้าร้าน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 163 บาท เป็นทองคำรูปพรรณประเภทสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท ประมาณ 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท, น้ำหนัก 3 บาท ประมาณ 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท ประมาณ 24 เส้น น้ำหนักรวม 48 บาท (รวมสร้อยข้อมือ 79 เส้น) ก่อนวิ่งขึ้นรถ จยย.ที่จอดอยู่ด้านหน้า […]

หลักฐานชัด! ทหารกัมพูชาลอบวางทุ่น PMN-2 ภูมะเขือ

19 ส.ค.- กองทัพเรือพบหลักฐานสำคัญ ยืนยันทหารกัมพูชาลักลอบใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณภูมะเขือ เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ชุดเก็บกู้กวาดล้างที่ 1 หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมกองทัพเรือ (นปท.ทร.) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ร้อย ร.132 พัน.13 (ฐานเหนือเมฆ) ตรวจพบโทรศัพท์มือถือของทหารกัมพูชาที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบภายในเครื่อง พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมทั้งมีการบันทึกเสียงเป็นภาษาเขมร คาดว่าเป็นการสาธิตวิธีการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย หลักฐานจากโทรศัพท์ยังระบุวันเวลาที่ถ่ายภาพและวิดีโอไว้อย่างชัดเจน จึงนับเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ยืนยันพฤติกรรมการละเมิดข้อตกลง และการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ นปท.ทร. ได้แสดงถึงความรอบคอบและไหวพริบในการตรวจสอบหลักฐานทันที ก่อนส่งมอบให้หน่วยกองทัพบกในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป. – สำนักข่าวไทย

“ทศพล” รุดมอบมาลัย “ภูมิธรรม” หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่

กองบินตำรวจ 20 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เตรียมแถลงจับยาเสพติดลอตใหญ่ “ทศพล” รุดมอบมาลัย หลัง ครม.ชงนั่งผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 8.00 น. ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เดินทางมาขึ้นเครื่อง เพื่อไปแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดล็อตใหญ่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พลตํารวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ เลขานุการ รมว.มหาดไทย ร่วมเดินทางด้วย ทั้งนี้เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางมาถึง นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย ที่ ครม. มีมติเมื่อ 19 ส.ค. แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำพวงมาลัยมามอบให้นายภูมิธรรมและปลัดกระทรวงมหาดไทย และร่วมเดินทางกับคณะด้วย โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม อย่างไรก็ตามก่อนเดินทางเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้รายงานสถานการณ์ยาเสพติดให้นายภูมิธรรมรับทราบ.-319.-สำนักข่าวไทย

มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง

กทม.19ส.ค.-มท.ชง ครม.แต่งตั้งโยกย้ายบิ๊กลอต 25 ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ หนองบัวลำพู ผงาดขึ้นอธิบดี พช. โยก “สยาม” นั่งพ่อเมืองปากน้ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 25 ตำแหน่ง อาทิ นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ทำลายระเบิด M33 กลางบ้าน

ตรัง 20 ส.ค.- คนร้ายลอบขว้างระเบิด M33 ใส่บ้านในพื้นที่ ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระเบิดทำงาน 1 ลูก อีก 1 ลูกไม่ทำงาน เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ทำลายเสียงดังสนั่น เร่งสืบสวนหาตัวคนร้าย-สอบปมเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD จังหวัดตรัง ได้ทำการเก็บกู้และทำลายระเบิด M33 ที่ยังไม่ทำงาน ระหว่างทำลายเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ ยางรถยนต์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันแรงระเบิดปลิวลอยขึ้นฟ้า ควันฟุ้งกระจายไปทั่ว สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  โดยเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านยูงงาม ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบขว้างระเบิดเข้าใส่บ้านหลังหนึ่ง ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เจ้าของบ้านเล่าว่าช่วงเกิดเหตุคนในบ้านกำลังนอนหลับ ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด 1 ครั้ง แต่ไม่กล้าออกมาดู กระทั่งเช้าพบหลุมระเบิดขนาดกว้างราว 2 ฟุต ลึก 1 ฟุต อยู่ข้างบ้าน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทราบว่าบ้านหลังนี้เคยถูกลอบยิงมาแล้วหลายครั้ง จนเจ้าของบ้านต้องสร้างกำแพงสูงเพื่อป้องกัน แต่ล่าสุดกลับถูกลอบขว้างระเบิดแบบลูกเกลี้ยง […]

ทำแผนโจรชิงทอง 123 บาท สารภาพเป็นหนี้นอกระบบ

สมุทรปราการ 20 ส.ค.- โจรชิงทองกลางห้างดังสมุทรปราการ 123 บาท ทำแผนรับสารภาพกู้เงินมาลงทุนร้านซ่อมรถ เสียดอกรายวันแต่หมุนเงินไม่ทัน จึงก่อเหตุ  กรณีนายวีรวัฒน์ อายุ 31 ปี บุกเดี่ยวควงปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณน้ำหนัก 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ที่ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ  ก่อนจะอาศัยความชำนาญในพื้นที่หลบหนีเส้นทางที่ไร้กล้องวงจรปิด โดยเหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ต่อมา ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พบว่าผู้ต้องหานำรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลบหนีไปทิ้งบ่อปลาแห่งหนึ่งในซอยวัดคอลาด แล้วหลบหนีต่อไป จึงไล่เรียงเบาะแสจนพบหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านพัก เมื่อวาน (19 ส.ค.) จึงนำหมายค้นบ้านนายวีรวัฒน์ พร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับของกลางทองรูปพรรณซุกซ่อนไว้ในตู้ลำโพงหน้าบ้าน และใส่ในถุงพลาสติกฝังดินใต้ต้นไม้ข้างบ้าน รวมตรวจยึดทองคืนได้ประมาณ 90 บาท ยังเหลือทองคำอีก 33 บาท อยู่ระหว่างสอบขยายผล  ผู้ต้องหาสารภาพว่า ก่อเหตุเพราะเป็นหนี้นอกระบบจากการกู้ยืมมาลงทุนร้านซ่อมรถและต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท จึงหมุนเงินไม่ทัน จากนั้นคิดวางแผนในการก่อเหตุ ประมาณ 1 […]

บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบฯ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน

ทำเนียบฯ 20 ส.ค.-บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงงบค้างท่อ 2.6 หมื่นล้าน กลับงบกลางฉุกเฉิน เน้นเศรษฐกิจชายแดน รองรับผลกระทบภาษี “ทรัมป์” และเหตุจำเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) หลังจากรัฐบาลจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก 1.15 แสนล้านบาท รอบสอง 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินให้กับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท และกองทุนเงินให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) 8,488 ล้านบาท นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในรอบแรกพบว่า มีหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างไม่ทัน จึงดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหลือค้างท่อ 2.6 หมื่นล้านบาท กลับเข้ามาอยู่ในงบกลางสำรองฉุกเฉิน เพื่อนำมาพิจารณาใช้ในเรื่องจำเป็น เช่น การฟื้นเศรษฐกิจแดนไทย-กัมพูชา การใช้งบรองรับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐร้อยละ 19 ในบางรายการ หากส่วนราชการใดต้องการใช้งบดังกล่าว ต้องจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย.นี้ โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณาในการจัดสรรงบให้ สำหรับผลกระทบจากภาษีศุลกากรสหรัฐ ยอมรับว่า รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ […]