นายกฯ ย้ำ สมช.พิจารณา กม.ต้องสอดคล้อง ไม่เป็นภาระประชาชน

ทำเนียบฯ 23 พ.ย.-นายกฯ ย้ำที่ประชุม สมช.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลความมั่นคงของรัฐฯ และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย ต้องสอดคล้องกัน ไม่เป็นภาระของประชาชนและเจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ ต้องไม่เกิดความขัดแย้ง พร้อมย้ำให้บรรจุการฝึกบรรเทาภัยพิบัติในงานด้านความมั่นคง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ในการประชุม สมช.ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลความมั่นคงของรัฐ และความลับของทางราชการ พ.ศ. และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย พ.ศ. และเห็นชอบในหลักการของร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับ นอกจากนี้ที่ประชุมมีการรับทราบรายงานการฝึก การบริหารวิกฤตการณ์ ซึ่งเป็นการฝึกของเหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมาย 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ให้แนวทางไปว่าจะต้องทำให้เกิดการตรวจสอบและถ่วงดุลของการใช้อำนาจทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เพราะกฎหมายจะต้องดูแลครอบคลุมถึงการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคง รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล และการได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ดังนั้นขณะนี้จึงมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ไซเบอร์ ควบคู่กันไป

“กฎหมายทุกตัวต้องมีความสอดคล้องกัน ไม่เป็นภาระของประชาาชน และเจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ พร้อมกันนี้ได้ย้ำถึงกระบวนการการบรรเทาภัยพิบัติ และให้นำเรื่องของการบรรเทาภัยพิบัติบรรจุไว้ในงานด้านความมั่นคงและฝึกร่วมกันประจำปี และเห็นว่าประชาชนจะต้องเข้าใจกฎหมาย เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ด้าน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลความมั่นคงของรัฐและความลับของทางราชการ พ.ศ. นั้น เป็นกฎหมายเพื่อคุ้มครองความมั่นคงของรัฐที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แห่งชาติ ส่วนร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย พ.ศ. เป็นกฎหมายที่จะบูรณาการทุกหน่วยงานเพื่อป้องกันการก่อการร้าย คุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยหลังจากนี้จะเสนอร่างกฎหมายทั้งสองฉบับเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก่อนส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามขั้นตอน ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในรัฐบาลชุดนี้

พล.อ.วัลลภ กล่าวอีกว่า ที่ประชุม สมช.ไม่มีการหารือเรื่องประเด็นความมั่นคงด้านการเมืองและการข่าว แต่นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำเรื่องกฎหมายเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย