นนทบุรี 22 พ.ย.- “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทองฯ ประกาศทวงบัลลังก์แชมป์ไทยลีก 2019 หลังเปิดตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ โค้ชเบ๊ “ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก” คุมทีมอย่างเป็นทางการ พร้อมดึง “ซุปเปอร์มาริโอ” มาริโอ ยูรอฟสกี จอมทัพตัวเก่งชาวมาซิโดเนียคืนถิ่น
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด แถลงข่าวเปิดตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก เฮดโค้ชชาวไทยวัย 51 ปี มาคุมทัพในถิ่นเอสซีจี สเตเดียม อย่างเป็นทางการ ด้วยสัญญา 1 ปีบวกออปชันเพิ่ม พร้อมเปิดตัว มาริโอ ยูรอฟสกี ที่เคยค้าแข้งพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกชุดไร้พ่ายปี 2012 มาร่วมทีมในฤดูกาลหน้า โดยมีคุณวิลักษณ์ โหลทอง ประธานสโมสรฯ รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผอ.สโมสรฯ ร่วมแถลงข่าวในวันนี้
โดยเสี่ยเป้ รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสร “กิเลนผยอง” เปิดเผยถึงดีลของทั้งสองคนว่าโค้ชเบ๊ เป็นโค้ชที่มีประสบการณ์ในไทยลีกมานาน มีความสามารถ เคยปั้นนักเตะดังทั้ง ชนานันท์ ป้อมบุปผา และเคลตัน ซิลวา โดยบอร์ดบริหารเชื่อมั่นว่า การมาของโค้ชเบ๊ จะเป็นการตอบโจทย์ของสโมสรที่ตั้งเป้ากวาดทุกแชมป์ในปี 2019 ด้วยสไตล์การทำทีมที่ดุดัน รวมถึงการผลักดันนักเตะอะคาเดมี สุดท้ายอยากให้แฟนบอลเชื่อมั่น และให้กำลังใจสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนมาริโอ ยูรอฟสกี ถือเป็นหัวใจของทีม ที่จะช่วยปลุกเร้าให้ทุกคนในทีมมีแรงฮึดสู้
ส่วนโค้ชไพโรจน์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ เปิดใจว่า “รู้สึกเป็นเกียรติ ที่ได้ทำงานร่วมกับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่างเอสซีจี เมืองทองฯ ต้องขอบคุณทางผู้บริหารที่เชื่อมั่นในศักยภาพ และความสามารถของตน เป็นความท้าทายครั้งสำคัญในอาชีพโค้ช กับการได้คุมสโมสรชั้นนำของประเทศ ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับท็อปของลีก รวมถึงแฟนบอลมากมาย ส่วนเป้าหมายแน่นอนว่าอยากเข้ามาพัฒนาทีม เพื่อกลับมาประสบความสำเร็จร่วมกันในฤดูกาลใหม่นี้ให้ได้”
สำหรับประวัติการคุมทีมของโค้ชเบ๊ เริ่มคุมทีมตั้งแต่ ในปี 2008-2009 ด้วยการเป็นผู้ช่วยโค้ชของโอสถสภา ก่อนที่จะขึ้นมาเป็นเฮ้ดโค้ชครั้งแรกกับโอสถสภาในปี 2010 ถึง 2013 ต่อด้วยการคุมเยาวชนทีมชาติไทย, บางกอก เอฟซี, สระบุรี, ซุปเปอร์พาวเวอร์, บีบีซียู, สุโขทัย และล่าสุดพาสุพรรณบุรี เอฟซี รอดพ้นจากการตกชั้น
โดยนับตั้งแต่ ปี 2550-2561 เมืองทอง ใช้โค้ชไปทั้งหมด 13 คน โดย เรเน เดอซาเยียร์ เข้ามาคุมทีม 2 ครั้ง ส่วนโค้ชเบ้ ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก เป็นกุนซือที่ 14 ของทีมและเป็นโค้ชไทยคนที่ 5 ของสโมสร
ขณะที่ “ซุปเปอร์มาริโอ้” มาริโอ ยูรอฟสกี จอมทัพขวัญใจแฟนบอล “กิเลนผยอง” บอกว่า เป็นความรู้สึกที่พิเศษที่ได้กลับมาร่วมงานกับสโมสรอีกครั้ง เหมือนได้กลับมาในที่ๆเล่นฟุตบอลได้ดีที่สุดในชีวิต ยืนยันว่าร่างกายพร้อม และยังมีความกระหายต่อชัยชนะ อยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำแชมป์ตอบแทนแฟนบอลให้ได้ โดยยูรอฟสกี จะสวมเสื้อหมายเลข 20 เช่นเดิม
สำหรับผลงานของกิเลนผยอง นับตั้งแต่ ปี 2550 คว้าไทยลีกได้ถึง 4 สมัย ในปี2552, 2553, 2555, 2559 ฟุตบอลถ้วย ก.1 สมัย,ลีก คัพ 2 สมัยส่วนขุมกำลังของกิเลนผยองในฤดูกาล 2019 นอกจากมาริโอ ยูรอฟสกีแล้ว จะได้เจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา กับ เจ้าอุ้ม ธีราทร บุญมาทัน ที่ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิมา กับ วิสเซล โกเบ ยืมตัว กลับมาช่วยทีม ผนึกกำลังกับแฮเบอร์ตี เฟอร์นันเดซ, อดิศักดิ์ ไกรษร, ชาชา แจ๊คสัน โคเอลโญ มาผสมผสานกับนักเตะกำลังหลักที่มีอยู่ และนักเตะจากอะคาเดมี่ของเมืองทอง จะทำให้ทีมลงตัวและกลับไปเป็นเอสซีจี เมืองทอง ที่เคยยิ่งใหญ่ เหมือนในอดีตอย่างแน่นอน
นอกจากเฮ้ดโค้ช และจอมทัพของทีมที่เปิดตัวในวันนี้แล้ว ทางสโมสรยังมีโควต้านักเตะเอเชีย และอาเซียน รวมถึงเตรียมคว้านักเตะในตำแหน่งที่ขาดหายไปโดยเฉพาะแบ๊คทั้งสองข้าง หลังจากเสีย ทริสตอง โด กับ พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา ไปให้กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งแฟนบอลกิเลนผยองคงต้องลุ้นว่าจากนี้สโมสรจะคว้านักเตะบิ๊กเนมเข้ามาสู่ทีมได้อีกหรือไม่ เพื่อเป้าหมายกลับมาเป็นยอดทีมของเมืองไทยให้ได้อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย