กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – ธ.ก.ส.สนับสนุนเกษตรกรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา ลดปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ทั้งสินเชื่อเพื่อเพาะปลูก เก็บเกี่ยวและรวบรวมแก่เกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร
นายศรายุทธ ยิ้มยวน รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.พร้อมสนับสนุนสินเชื่อโครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา แบ่งเป็น 3 โครงการ คือ 1.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา เพื่อให้เกษตรกรใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการผลิตและจัดหาปัจจัยการผลิตผ่านบัตรเกษตรสุขใจ โดยผู้ขอสินเชื่อจะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรและมีความประสงค์ปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวมาปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ วงเงินไร่ละไม่เกิน 2,000 บาท พื้นที่ไม่เกิน 15 ไร่ วงเงินกู้รวมไม่เกิน 30,000 บาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.01 ต่อปี ระยะเวลาชำระคืนไม่เกิน 6 เดือน นับตั้งแต่วันกู้ วงเงินกู้รวม 4,000 ล้านบาท เริ่มจ่ายเงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 – 31 มกราคม 2562
2.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาผ่านสหกรณ์การเกษตร เพื่อให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตร ขอรับสินเชื่อตามโครงการดังกล่าวผ่านสหกรณ์การเกษตรที่ตนเองเป็นสมาชิก โดยสหกรณ์สามารถกู้ได้สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันกู้ ทั้งนี้ หากสหกรณ์ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เกษตรกรสมาชิกสามารถขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสหกรณ์อนุญาตให้เข้าร่วมโครงการได้ จากนั้นติดต่อกับ ธ.ก.ส.ในพื้นที่ เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นลูกค้าและขอรับสินเชื่อตามโครงการ ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 – 31 มกราคม 2562 และ 3.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา ผ่านสหกรณ์การเกษตร เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยสหกรณ์สามารถกู้ได้สูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันกู้ วงเงินกู้รวม 7,200 ล้านบาท ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 – 30 มิถุนายน 2562
นอกจากนี้ ธ.ก.ส.ยังประสานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาให้ความรู้ โดยการจัดอบรมวิธีการปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติและจากศัตรูพืช เกษตรกรยังได้รับความช่วยเหลือผ่านโครงการประกันภัยพืชผล โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยไร่ละ 65 บาท ให้เกษตรกรทั้งหมด ซึ่งผู้ประสบภัยจะได้รับวงเงินคุ้มครอง 1,500 บาทต่อไร่ สำหรับภัยธรรมชาติ 8 ภัย และวงเงินคุ้มครอง 750 บาทต่อไร่ สำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด นอกจากนี้ รัฐบาลได้ประสานงานภาคเอกชน อาทิ สมาคมผู้รับซื้อข้าวโพด ประกันการรับซื้อผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในราคา 8 บาทต่อกิโลกรัม (เบอร์ 2 ความชื้นไม่เกิน 14.5%) เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรว่านอกจากจะได้รับการดูแลทั้งด้านเงินทุน การคุ้มครองความเสี่ยงจากการผลิตแล้ว ยังสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรมช่วยสร้างรายได้ที่แน่นอนอีกด้วย
ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่า มีผู้ผลิตอาหารสัตว์เข้าร่วมโครงการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนาเพิ่มเป็น 20 บริษัท โดยขณะนี้ทางสมาคมฯ ดำเนินการเรื่องเปิดจุดรับซื้อข้าวโพดช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผลผลิตข้าวโพดเป็นหลัก เช่น นครสวรรค์ สระบุรี และลพบุรี ซึ่งกำหนดว่าแต่ละบริษัทจะเข้าไปรับซื้อพื้นที่ใดบ้าง ดำเนินการไปได้ร้อยละ 80 ยังคงมีบางจังหวัดอยู่ระหว่างประสานหาพ่อค้ามารับซื้อจากเกษตรกร ยืนยันว่าจะมีผู้รับซื้อครบทุกจุดก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตแน่นอน.-สำนักข่าวไทย