ลอยกระทงปลอดภัย สธ.แนะ 3 อย่า ‘อย่าใกล้ อย่าเก็บ อย่าก้ม’

สธ.20พ.ย.-ปลัด สธ.มอบหน่วยงานในสังกัด ประชาสัมพันธ์สร้างความปลอดภัยช่วงเทศกาลลอยกระทง แนะผู้ปกครองไม่ปล่อยเด็กอยู่ใกล้น้ำตามลำพัง สอนเด็ก “อย่าใกล้ อย่าเก็บ อย่าก้ม” อย่ายืนใกล้ขอบบ่อ อย่าลงน้ำไปเก็บเงินในกระทงและอย่าก้มไปลอยกระทงเพื่อป้องกันการจมน้ำ  


นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ เป็นวันลอยกระทง มีการจัดงานรื่นเริงตามสถานที่ต่าง ๆ  ทั่วประเทศ ให้ประชาชนนำกระทงมาลอยในแม่น้ำลำคลองหรือในแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อร่วมสืบสานประเพณีที่ดีงาม ประชาชนมีแต่ความสุขและปลอดภัย ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์และเตรียมการป้องกันอุบัติเหตุ โดยตรวจเตือน ป้องกัน แก้ไขจุดเสี่ยงอุบัติเหตุต่างๆและให้โรงพยาบาลเตรียมความพร้อมดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากการจราจร การเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ โดยเฉพาะการจมน้ำซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ1 ของเด็กอายุต่ำกว่า 15ปี เนื่องจากเด็กมักอยู่ใกล้แหล่งน้ำเพื่อลอยกระทง ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะพลัดตกลื่นลงตกน้ำได้ ที่พบบ่อยคือการลงไปเก็บเศษเงินในกระทง ขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่ความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นจากการดื่มสุรา 


ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลมรณบัตรของกองยุทธศาสตร์และแผนงาน โดยกรมควบคุมโรค ย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2551–2560 ช่วงเทศกาลลอยกระทง 3 วัน คือก่อนวันลอยกระทง วันลอยกระทงและหลังวันลอยกระทง มีคนจมน้ำเสียชีวิตสะสม 380 คน เป็นเด็กอายุต่ำกว่า15 ปีถึง 94 คน คิดเป็นร้อยละ24.7 เฉพาะวันลอยกระทงวันเดียวมีคนจมน้ำเสียชีวิตสะสมสูงถึง 145 คน โดยเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจมน้ำเสียชีวิตสูงถึง 43 คน คิดเป็นร้อยละ29.7 เฉลี่ยวันละกว่า 4 คน ซึ่งมากกว่าในช่วงวันปกติ 2 เท่าตัวและในปี 2560 แนวโน้มการเสียชีวิตลดลงทั้งในกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ เป็นชายมากกว่าหญิงประมาณ 2 เท่าตัว มากที่สุดคือเด็กกลุ่มอายุ 5-9 ปี ที่น่าสนใจคือยังคงมีเด็กชายอายุ 8 ปีที่จังหวัดอยุธยา จมน้ำเสียชีวิตจากการว่ายน้ำลงไปเก็บเงินในกระทง 


“ขอให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิด ป้องกันการจมน้ำและสอนให้ อย่าใกล้ อย่าเก็บ อย่าก้ม โดยอย่าใกล้ : อย่ายืนใกล้ขอบบ่อ  อย่าเก็บ: อย่าลงน้ำไปเก็บเงินในกระทงและอย่าก้ม : อย่าก้มไปลอยกระทง นอกจากนี้ ไม่ปล่อยเด็กอยู่ใกล้น้ำหรือให้เด็กไปลอยกระทงตามลำพัง ไม่เก็บกระทงแม้จะอยู่บนฝั่งเพราะอาจพลัดตกลื่นจมน้ำได้ และระมัดระวังการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ ส่วนในกลุ่มผู้ใหญ่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและลงน้ำ รวมทั้งต้องขับขี่ตามกฎจราจร” นพ.สุขุมกล่าว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล