รัฐสภา 15 พ.ย. สนช. ถกร่างพ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รายมาตราวาระ 2 เสร็จแล้วเตรียมลงมติรายมาตราพรุ่งนี้ สมาชิกหวั่นอัตราเก็บภาษีที่ดินรกร้างสูงเกินไป ห่วงประชาชนแบกรับภาระ
ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่าง พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดย นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แถลงผลการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการว่าร่างกฎหมายนี้มีทั้งสิ้น 94 มาตรา มีการแก้ไข 37 มาตราเพิ่ม 19 มาตรา ทั้งนี้หลังสนช. พิจารณา 19 เดือนเศษ โดยจากเดิมนั้น ได้ใช้อัตราจัดเก็บภาษีเดิม 40 ปีมาแล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน จึงควรเป็นระบบเก็บภาษีแบบก้าวหน้าแทนการเก็บแบบ ถดถอย และเกิดความลักลั่นในการเก็บภาษี รัฐบาลต้องการปฏิรูประบบโครงสร้างจัดเก็บภาษีให้เป็นสากลทันสมัยและสอดคล้องกับนานาประเทศ ให้มีประสิทธิภาพโปร่งใสเป็นธรรม จึงเป็นที่มาของร่างกฎหมายฉบับนี้ นอกจากนี้ยังต้องการ กระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์จากที่ดิน เพิ่มความเป็นอิสระและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีของท้องถิ่น เพราะเป็นรายได้ของระดับท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็ง และโปร่งใสในการบริหารการคลังของท้องถิ่น และให้ท้องถิ่นมีงบประมาณเพียงพอในการบริหารพื้นที่
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า มีการลดอัตราภาษีจากร่างเดิมที่รัฐส่งมาให้ จัดกลุ่มในการเก็บภาษีตามขนาดรายได้ กลาง สูงต่ำ และนำมาเทียบฐานภาษีเดิม และปรับอัตราเพดานลดลงอีก ร้อยละ 40¬ โดยยังคงแบ่งประเภทที่ดินเป็น 4 ประเภท คือ ที่ดินเพื่อการเกษตร หากมีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 1 ล้านบาท ต่อ 100 บาท ยกเว้น 3 ปีแรกไม่ต้องเสียภาษี แต่ นิติบุคคลรายใหญ่ เริ่มจัดเก็บทันที และ ที่ดินมูลค่าไม่เกิน 50ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี ส่วน ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีในอัตรา 1 ล้านบาทต่อ 200 บาท โดยบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป ทุก ๆ 1ล้านบาท เสียภาษี 200 บาท ห้องเช่า / บ้านเช่า เจ้าของที่ดินเป็นผู้รับผิดชอบ / ตามสัญญาที่ตกลง ด้านที่ดินเพื่อการพาณิชย์-อุตสาหกรรม จัดเก็บอัตราขั้นบันได สูงสุดไม่เกิน 0.7 % ของราคาประเมิน แต่โรงพยาบาล ,สนามกีฬา ,สนามกอล์ฟ ,สถานศึกษาเอกชน ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 90% ของราคาประเมิน และที่ดินรกร้าง ว่างเปล่า เก็บในอัตราตั้งแต่ 0.3 – 3% ของราคาประเมิน และทุก 3 ปี ต้องเสียเพิ่ม 0.2 – 0.3 % ต่อเนื่อง ไม่เกิน 27 ปี หรือจนกว่าจะมีการใช้ประโยชน์จากที่ดิน
จากนั้นเป็นการพิจารณารายมาตรา โดยประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากคือเรื่องค่าปรับในมาตรา 64 ที่กำหนดว่ากรณีที่ไม่มีการเสียภาษีในเวลาที่กำหนดจะต้องถูกปรับร้อยละ 40 ของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ ส่วนผู้ที่เสียภาษีเลยกำหนดแต่เสียก่อนได้รับหนังสือแจ้งเตือน จะต้องถูกปรับร้อยละ 10 ของจำนวนภาษีที่ค้างชำระ ซึ่งสนช.ที่สงวนคำแปรญัตติเห็นว่าเป็นอัตราที่สูงเกินไป
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ สนช. กล่าวว่ากรณีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะต่างจากภาษีที่เกิดจากการทำธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเรื่องจงใจหลีกเลี่ยงแต่กรณีนี้อาจจะเป็นกรณีที่ไม่มีเงินจ่าย หากโดยปรับร้อยละ 40 จะยิ่งเป็นภาระ จึงอยากให้กมธ.พิจารณา ลดลงเหลือร้อยละ 20
ทั้งนี้สนช.ได้พิจารณาจบทั้ง 94 มาตราและเลื่อนไปลงมติรายมาตราในวันพรุ่งนี้ (16 พ.ย.) เวลา 10.00 น. .-สำนักข่าวไทย

