fbpx

อาเซียนตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้า-การลงทุนกับอินเดีย 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

สิงคโปร์ 15 พ.ย. – นายกฯ พร้อมส่งเสริมหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-อินเดีย หวังให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ระบุต้องขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2022 โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดียอย่างเต็มที่


“จิตตานันท์ นิกรยานนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ที่สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 13-15 พฤศจิกายน 2561 รายงานว่า นายกรัฐมนตรี เริ่มภารกิจแรกระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 33  โดยกล่าวถ้อยแถลงอาเซียน (ASEAN Common Statement) ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย ในการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดียอย่างไม่เป็นทางการ (ช่วงรับประทานอาหารเช้า)  ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการ Suntec สิงคโปร์ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแสดงความยินดีที่ความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดียมีความก้าวหน้าอย่างดีทั้ง 3 เสาความร่วมมือของประชาคมอาเซียน และยินดีกับอินเดียที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-อินเดีย ที่กรุงนิวเดลี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “ค่านิยมร่วมกัน เป้าหมายเดียวกัน” ทั้งนี้ การรับรองปฏิญญาเดลี สะท้อนเจตนารมณ์ของผู้นำอาเซียนและอินเดียในการขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับอินเดียในมิติการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม


“อาเซียนเน้นย้ำว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าในการขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการค้าระหว่างกัน จำนวน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2022 โดยผ่านการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดียอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ การขจัดข้ออุปสรรคทางการค้า และยึดมั่นระบบการค้าที่เสรี เป็นธรรม และอยู่ภายใต้กฎกติกา รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและเครือข่ายระหว่างภาคธุรกิจ”  นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อย (เอ็มเอสเอ็มอี) และการสนับสนุนห่วงโซ่มูลค่าของภูมิภาคและเครือข่ายการผลิตในภูมิภาค โดยมุ่งมั่นที่จะสรุปการเจรจาความตกลงอาร์เซ็ปในปี 2019  อาเซียนยินดีกับการจัดตั้งเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน  (เอเอสซีเอ็น) และพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนที่มีผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างอินเดียและเมืองนำร่องภายใต้เครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน

“อาเซียนให้คุณค่ากับการสนับสนุนของอินเดียต่อความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ซึ่งรวมถึงผ่านแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (เอ็มแพ็ค) 2025 และแผนงานฉบับที่ 3 ภายใต้ข้อริเริ่ม เพื่อการรวมตัวของอาเซียน (ไอเอไอ) พร้อมชื่นชมในความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้โครงการทางหลวงสามฝ่ายอินเดีย-เมียนมา-ไทยเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาความเชื่อมโยงทางทะเลและอากาศระหว่างอาเซียนและอินเดีย” นายกรัฐมนตรี กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อาเซียนยังมุ่งหวังให้การเจรจาความตกลงด้านการขนส่งทางอากาศอาเซียน-อินเดีย (เอไอ-เอทีเอ) และความตกลงด้านการขนส่งทางทะเลอาเซียน-อินเดีย (ไอเอ-เอ็มทีเอ) ได้ข้อสรุปโดยเร็วตามที่รัฐมนตรีขนส่งอาเซียนได้ตกลงกันไว้ และยินดีกับข้อเสนอของอินเดียที่จะเสริมสร้างความร่วมมืออาเซียน-อินเดียให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในประเด็นทางทะเลด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีที่สายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและอารยธรรมระหว่างอาเซียนและอินเดียเติบโตงอกงาม และสนับสนุนให้มีความร่วมมือเพิ่มมากขึ้นในด้านการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนทางวิชาการและเยาวชน การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) การนำพาประชาชนอาเซียน  และอินเดียให้มาใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นควรเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ควรผลักดัน

“อาเซียนตระหนักถึงความสำคัญในการรักษาและส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ ความปลอดภัย และเสรีภาพในการเดินเรือในและการบินผ่านเหนือทะเลจีนใต้ และประโยชน์ของการมีทะเลจีนใต้ในฐานะทะเลแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่ง  อาเซียนยืนยันความสำคัญของ DOC อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ และยินดีกับความคืบหน้าในการเจรจาที่มีสาระ เพื่อนำไปสู่ COC ตามกรอบเวลาที่เห็นชอบร่วมกัน”  นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนมุ่งมั่นจะทำงานร่วมกับอินเดียในการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบภูมิภาคนิยมและพหุภาคีนิยม ในขณะเดียวกันอาเซียนชื่นชมอินเดียที่สนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียนผ่านกลไกลที่มีอาเซียนเป็นตัวเชื่อมและการมีส่วนร่วมของอินเดียในความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.