กรุงเทพฯ 6 พ.ย.- ตำรวจพร้อมกลับเข้าป้อม! หลังนายก ชี้ทำให้การจราจรติดขัด แจง รถติดจึงต้องลงไปคอยโบกรถ ยอมรับต้องเร่งทำความเข้าใจ กับประชาชน
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รรท. รองผู้บัญชาการกองบัญชาการการศึกษา ในฐานะคณะทำงานแก้ไขปัญหาจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสนอให้ตำรวจจราจรกลับเข้าไปอยู่ในป้อม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการจราจรติดขัดว่า พร้อมนำข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีไปปรับใช้ให้เหมาะสม ส่วนใดที่ยังเป็นปัญหาต้องเร่งแก้ไข และอยากชี้แจงว่าที่เห็นตำรวจจราจร ลงไปโบกรถหรืออำนวยการจราจรตามถนนต่างๆเป็นเพราะศูนย์ควบคุมสั่งการจราจร มองไม่เห็นสภาพปัญหา การจราจรติดขัด หรือเกิดอุบัติเหตุ บนถนที่แท้จริง จึงให้เจ้าหน้าที่ลงไปช่วยดูแล ทำให้หลายคนเข้าใจว่าตำรวจจราจรเป็นสาเหตุของปัญหารถติด
พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ จะต้องทำความเข้าใจกับตำรวจ ระดับปฏิบัติรวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนให้มากขึ้น ต้องทำให้เห็นว่า มีตำรวจแล้วการจราจรดีขึ้น เช่นเดียวกับกรณีที่ฝนตกหนักน้ำท่วมแล้วเห็นตำรวจจราจร สวมเสื้อกันฝน ลงไปช่วยโบกรถไม่ใช่ออกมายืนตามสี่แยก คอยจับกุมผู้ใช้รถใช้ถนน
ส่วนข้อเสนอให้ใช้ระบบไฟจราจรอัตโนมัติ ทุกแยกจราจร นั้นส่วนตัวมองว่า จะทำให้การจราจรติดขัดยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม สภาพการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนของกรุงเทพฯทั้งเช้าและเย็นที่ผ่านมาใช้ระบบ ควบคุมด้วยมือทั้งหมดเนื่องจาก ต้องการใช้ถนนทุกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด
คณะทำงานแก้ไขปัญหาการจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับด้วยว่า ในอนาคตการแก้ปัญหาจราจร จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ และต้องเป็นระบบที่คนไทยคิดขึ้นเอง เนื่องจากเทคโนโลยีจากต่างประเทศมีราคาแพง ล่าสุด คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบระบบควบคุม สัญญาณไฟจราจร โดยมี เซ็นเซอร์ตรวจจับ ท้ายแถวของแต่ละแยก นำมาคำนวณจังหวะการเปิด สัญญาณไฟจราจร ขณะนี้กำลังทดลองอยู่บริเวณถนนประเสริฐมนูกิจ ซึ่งมองว่าในอนาคตเทคโนโลยีทำนองนี้ จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด.-สำนักข่าวไทย