กรุงเทพฯ 5 พ.ย. – กรมปศุสัตว์สั่งจับสุนัขจรจัดดอยสะเก็ด 30 ตัว เฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้า หลังกัดเด็กหญิงวัยขวบเศษ พร้อมหารือองค์กรท้องถิ่นออกระเบียบการเลี้ยงสัตว์เข้มงวด
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวถึงกรณีเด็กหญิงวัยขวบเศษถูกสุนัขรุมกัดจนได้รับบาดเจ็บ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ว่า กรมปศุสัตว์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเหตุเกิดในหมู่บ้านชาวเขามีสุนัขจรจัดในหมู่บ้านประมาณ 30 ตัว เบื้องต้นมอบหมายให้ปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่ประชุมหารือกับนายอำเภอและหน่วยงานท้องถิ่นออกระเบียบและข้อปฏิบัติสำหรับท้องถิ่นในการเลี้ยงและควบคุมสัตว์ เพื่อจำกัดการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนสุนัขที่มีปัญหาได้จับมาตรวจและเฝ้าระวังอาการโรคพิษสุนัขบ้าและโรคอื่น ๆ ที่อาจแพร่จากสุนัขสู่คนได้
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ (5 พ.ย.) ปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่นำสุนัขจรจัดทั้ง 30 ตัวออกจากพื้นที่แล้วมอบให้องค์กรจัดสุขภาพสัตว์รับไปดูแล ซึ่งต้องเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้าเป็นพิเศษ หากสุนัขเป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะตายภายใน 10 วัน ซึ่งจะกลับมาเฝ้าระวังและควบคุมโรคในรัศมี 5 กิโลเมตร รอบจุดเกิดโรคอย่างเข้มงวดอีกครั้ง ส่วนเด็กหญิงที่ถูกสุนัขรุมกัดนั้น แพทย์รักษาและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแล้ว
ทั้งนี้ กรมปศุสัตวได้เฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผ่าตัดทำหมันจำกัดจำนวนสุนัขจรจัด สำหรับสุนัขจรจรหากอยู่ตัวเดียวมักไม่แสดงอาการดุร้าย แต่อยู่เป็นฝูงจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว กรมปศุสัตว์จึงให้ความสำคัญควบคุมประชากรสุนัข โดยบูรณการกับท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดและประชาสัมพันธ์สร้างองค์ความรู้ให้แก่ประชาชนว่าหากเลี้ยงสุนัขต้องดูแลและควบคุมอย่างไร หากพบสุนัขจรจัดให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อไปฉีดวัคซีนและทำหมัน หรือจับไปดูแล ทั้งนี้ ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครองให้สอนเด็กอย่าไว้ใจสุนัขทั้งสุนัขของบ้านอื่นและสุนัขจรจัดซึ่งอาจทำร้ายเด็กได้.-สำนักข่าวไทย