ย้อนรอยคดีรุมโทรมเด็ก 14 ปี บ้านเกาะแรด

พังงา 25 ต.ค.-ย้อนรอยเหตุการณ์ในคดีเกาะแรด จุดเริ่มต้นมาจากแม่ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายแจ้งความตำรวจว่าลูกสาวถูกข่มขืนกระทำชำเราโดยผู้ชายในหมู่บ้านเกาะแรด ขณะนั้นเด็กอายุเพียง 14 ปี และที่น่าตกใจคือ อาจมีผู้ชายมากถึง 40 คน ก่อเหตุ จึงเป็นที่มาของข่าวอันครึกโครม


วันที่ 3 กันยายน 2560 แม่ของเด็กหญิงวัย 14 ปี เดินทางเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.โคกกลอย หลังลูกสาวบอกว่าถูกกลุ่มชายในพื้นที่หมู่ 6 บ้านเกาะแรด ตำบลหล่อยูง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา รวมถึงชายในหมู่บ้านใกล้เคียง รวม 40 คน ข่มขืนกระทำชำเรา สร้างความตกใจให้กับตำรวจและผู้สื่อข่าวที่ได้รับแจ้งเป็นอย่างมาก โดยข้อมูลขณะนั้นพบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 ต่อเนื่องจนถึงเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน

ต่อมามูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติสาขาภูเก็ต เข้าช่วยเหลือและสอบถามข้อมูลจากผู้เสียหาย จนมีการจับกุมผู้ต้องหา 3 คนแรก ซึ่งเชื่อได้ว่าก่อเหตุข่มขืนเหยื่อ จากนั้นตำรวจเข้าสอบปากคำเหยื่ออีก จึงได้ข้อมูลว่าอาจมีชายอีก 40 คน ร่วมก่อเหตุ รวมถึงข้อมูลถูกบังคับให้เสพยา


ชุดสืบสวน สภ.โคกกลอย รวมถึงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจสอบขนำริมชายหาด ข้างท่าเทียบเรือบ้านเกาะแรด ตำบลหล่อยูง เพื่อหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในการประกอบสำนวนการสอบสวน หวังหาลายนิ้วมือ ร่องรอยดีเอ็นเอ ร่องรอยการต่อสู้ เส้นผม ขน และคราบต่างๆ ที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ ซึ่งถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่จะใช้ในการปะติดปะต่อเรื่องราว นำผู้กระทำผิดมาลงโทษ

ขณะเดียวกันชาวบ้านเกาะแรดต่างไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะส่งผลกระทบและสร้างมลทินให้กับชาวบ้าน  ทำให้จังหวัดพังงาต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ เพื่อคลี่คลายคดี นอกจากนี้ยังพบว่าพ่อเลี้ยงของเด็กหญิงคนดังกล่าวถูกพาดพิงจนทำให้เสื่อมเสีย เพราะมีการใส่ร้ายว่าเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

หลังการสอบสวนและเสาะหาหลักฐานจนชัดเจนแล้ว เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2560 ศาลจังหวัดพังงาจึงอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 8 คน ก่อนนำตัวดำเนินคดี โดยพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนและส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง 11 ผู้ต้องหา ในฐานความผิดร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาตนเอง รวมถึงความผิดฐานโทรมหญิง และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร


ต่อมาศาลจังหวัดพังงาได้ประทับรับฟ้องจำเลยรวม 11 คน และเริ่มไต่สวนนัดแรกเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 จากนั้นมีการเบิกพยานฝ่ายโจทก์ขึ้นให้ข้อมูล 28 ปาก ฝ่ายจำเลย 27 ปาก รวมทั้งหมด 15 นัด จนกระทั่งวันนี้ (25 ต.ค.) ศาลจังหวัดพังงามีคำพิพากษาออกมา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ