เสนอควบคุมโฆษณาเครื่องสำอางอวดอ้างสรรพคุณ

กทม.25 ต.ค.- มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แนะ อย.ควรปรับฐานข้อมูลการขออนุญาตโฆษณาเครื่องสำอางให้ประชาชนเข้าถึงง่าย แก้ปัญหาอวดอ้างสรรพคุณ


นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดเสวนาวิชาการ เรื่องผิดที่ไว้ใจ :ทางออกเพื่อการควบคุมโฆษณาเครื่องสำอาง เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ และข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในการควบคุม หลังพบ ปัจจุบันมีการโฆษณา อวดอ้างสรรพคุณ ของเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก


น.ส.สถาพร อารักษ์วทนะ นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวในเวทีการเสวนาว่า ปัจจุบันเราพบเห็นสินค้าเครื่องสำอางโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณในโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมามีผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องสำอางผิดกฎหมายจำนวนมาก  แต่กลับพบมีการร้องเรียนน้อยมากเพราะลักษณะนิสัยของคนไทยมักจะเก็บเงียบ ยอมความ อย่างมากแค่อินบ็อค ส่งข้อความมาถามว่าสินค้าตัวนี้อันตรายหรือไม่ ประมาณ 10 คนต่อวัน ซึ่งทางมูลนิธิก็แนะนำให้ตรวจสอบเบื้องต้น คือการตรวจสอบเลข อย.ว่าตรงกับชื่อสินค้านั้นหรือไม่ หากไม่ตรงก็ถือว่าผิดกฎหมาย แต่การที่จะดูว่าเครื่องสำอางนั้นมีสารอันตราย สารต้องห้ามปนเปื่อนหรือไม่นั้นก็ว่าเป็นเรื่องยาก ผู้บริโภคต้องส่งตรวจสอบเอง  แม้ว่าปัจจุบันผู้บริโภค จะสามารถตรวจสอบเลข อย. ชื่อสถานที่ตั้งผู้ผลิต หรือเลขการขออนุญาตโฆษณาได้ แต่ก็ไม่เพียงพอ ซึ่งทางมูลนิธิฯ มองว่า อย.จึงควรเปิดฐานข้อมูลการขออนุญาตโฆษณาสินค้าทั้งอาหารและยา ให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยง่าย เพราะในฐานข้อมูลนี้จะมีรายละเอียดข้อความการโฆษณาที่ทางผู้ประกอบขอกับ อย.หากประชาชนพบข้อความที่โฆษณาในสื่อต่างๆ แล้วเกิดความสงสัยว่าเข้าข่ายโฆษณาเกิดจริงหรือไม่ก็สามารถเข้าตรวจสอบได้ และเป็นหลักฐานสำคัญในการนำไปแจ้งความดำเนินคดีเมื่อได้รับผลกระทบจากเครื่องสำอางที่อวดอ้างสรรพคุณ 

ขณะที่นายโสภณ  หนูรัตน์ นักวิชาการด้านกฎหมายมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับการโฆษณาที่ผู้บริโภคเข้าถึงยากแล้ว ตัวกฎหมายเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ก็มีช่องโหว่ เช่น มาตรา 46 ที่ระบุว่า ผู้จดแจ้งหรือผู้ทำการโฆษณาเครื่องสำอาง สงสัยว่าการโฆษณาของตนเองจะเป็นการฝ่าฝืน ไม่เป็นไปตามกฎหมาย อาจขอให้คณะกรรมการให้ความเห็นชอบในเรื่องนั้นและแจ้งให้ผู้ขอทราบก่อนทำการโฆษณา ภายใน 60 วัน หากแจ้งไม่ทันให้ถือว่าคณะกรรมการเห็นชอบ ตรงนี้เป็นช่องว่าง ยกประโยชน์ให้จำเลย ทำให้มีโฆษณาที่อวดอ้างสรรพคุณหลุดลอดออกไป เพราะแน่นอนว่าคณะกรรมการไม่สามารถจะตรวจสอบให้ความเห็นชอบได้ทันภายในเวลาแค่ 60 วัน เพราะมีโฆษณาที่ต้องพิจารณาเยอะมากซึ่งกฎหมายควรเปลี่ยนเป็น ห้ามโฆษณาจนกว่าจะพิจารณาเห็นชอบเสร็จ 

ขณะที่สำคัญโทษถือว่าน้อยไม่มีการกำหนดโทษขั้นต่ำมีแต่ระบุสูงสุดคือจำคุกไม่เกิน1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการลงโทษเป็นแบบขั้นบันได กว่าจะถูกลงโทษสูงสุดก็ทำผิดไปแล้วหลายครั้ง จึงเป็นช่องว่างทำให้กฎหมายไม่มีการบังคับใช้ที่มีคุณภาพ การโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง จึงเกิดขึ้นมากมาย.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ขอหมายจับสามีภรรยาแจ้งความเท็จไฟไหม้บ้านเผาเงิน 10 ล้าน

ตำรวจขอศาลออกหมายจับสามีภรรยา แจ้งความบ้านถูกไฟไหม้เผาเงิน 10 ล้านบาท ด้าน พฐ. ตรวจบ้านไฟไหม้ไม่พบไฟฟ้าลัดวงจร ยืนยันน่าจะเป็นการจงใจวางเพลิง พบเงิน 10 ล้าน ไม่มีจริง พร้อมตรวจสอบเส้นเงินอีก 6.5 ล้าน ที่ยึดได้ในรถ ส่อฟอกเงิน-บัญชีม้า

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน

พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน ลมแรง ต้นไม้ล้ม

ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 28 ก.พ.68 หลายพื้นที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม โดยเฉพาะเมื่อวานฝนกระหน่ำ ลมแรง ต้นไม้ล้ม ต้นทุเรียนโค่น อุตุฯ เตือนช่วง 6-8 มีนาคมนี้ ระวังพายุฤดูร้อน

ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าคนร้ายชิงทอง 102 บาท

ตำรวจภูธรภาค 6 ระดมชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าโจรชิงทองกลางห้างดังแม่สอด พร้อมจำลองเหตุการณ์ถอดแผนประทุษกรรมคนร้าย คาดมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ขณะที่ 5 อำเภอชายแดน ยังเข้มตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด ป้องกันคนร้ายหนีข้ามแดน

นายกฯ พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน

นายกฯ หารือภาคเอกชน พบผู้บริหารบริษัท DKSH ณ นครซูริก ก่อนบินต่อเบอร์ลิน เยอรมนี พูดคุยข้อจำกัดการขออนุญาตจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์พัฒนาการรักษาโรคในไทย สานต่องานอดีตนายกฯ เศรษฐา พร้อมขอให้เป็นตัวกลางส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ