กรุงเทพฯ 23 ต.ค.- ธปท.
เตรียมสรุปความเห็นจากทุกฝ่าย ก่อนประกาศหลักเกณฑ์คุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ต้นเดือนพฤศจิกายน ย้ำสถานการณ์ต่างจากวิกฤติปี
40 เพื่อใช้เป็น “มาตรการในเชิงป้องกัน”
ไม่กระทบรายย่อยซื้อบ้านหลังแรก
นางวจีทิพย์ พงษ์เพ็ชร ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท. ) เปิดเผยว่า หลังจากได้เปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย
ได้มีผู้เสนอแนะเข้ามาจำนวนมาก ทั้งจากประชาชนผู้บริโภค สถาบันการเงิน
และผู้ประกอบการ ครอบคลุมหลายประเด็น อาทิ
วันที่เริ่มบังคับใช้ ความหมายของบ้านหลังที่ 2 หรือสัญญาที่ 2 อัตราการวางเงินดาวน์ของสัญญาที่ 2 หรือสัญญาที่ 3 เป็นต้น ธปท. พร้อมนำข้อเสนอแนะมาประกอบการพิจารณา
ก่อนนำมาประกาศหลักเกณฑ์ควบคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นเดือน พ.ย. 2561
“มีคำถามหลายประเด็น อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน เช่น สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันน่าเป็นห่วงหรือกังวลเพียงใด
เหมือนกับช่วงปี 2540 วิกฤตต้มยำกุ้งหรือไม่
ธปท.ย้ำว่าสถานการณ์ปัจจุบันต่างจากช่วงปี 2540 มาตรการที่ปรับปรุงเป็น
“มาตรการในเชิงป้องกัน” (Preventive Measures) คล้ายกับ เราเริ่มเห็นควัน จึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้ มุ่งหวังยกระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน
เพราะอาจหย่อนลงไปบ้าง และมุ่งสร้างวินัยให้มีการออมบางส่วนก่อนกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
รวมทั้งป้องกันการเก็งกำไร โดย “การลด demand เทียม” เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่เพื่ออาศัยอยู่จริง
สามารถซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสม” นางวจีทิพย์ กล่าว
อีกทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมา ชี้ว่าปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์มักเป็นต้นตอทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ จากงานวิจัยของ IMF ชี้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจกว่า 50 ครั้ง ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เช่น วิกฤต Subprime
เกิดจากปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการในครั้งนี้จึงมุ่งป้องกันปัญหาในอนาคต
ส่วนประเด็นที่ประชาชนอาจจะยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ทั้งบังคับเฉพาะกรณีการผ่อนที่อยู่อาศัย
2 หลังขึ้นไปพร้อมๆ
กัน และจะไม่กระทบกรณีที่ผ่อนหลังที่ 1 เสร็จแล้ว
และจะกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 ประกาศฉบับใหม่
เน้นเป็นสัญญาที่ 1
และการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้จะไม่กระทบการซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ซื้อบ้านหลังแรก
บังคับใช้เฉพาะที่อยู่อาศัยราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ไม่ย้อนหลังกรณีกู้เงินไปแล้ว
ก่อนประกาศหลักเกณฑ์ใหม่มีผลบังคับใช้ .-สำนักข่าวไทย
