นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน เหมือนคุยกันกับรัฐมนตรีใน ครม. ทำงานมาตั้งแต่รุ่นของคุณพ่อ เรียกอาเรียกลุงเป็นปกติ และได้มีการพูดคุยกันว่าจะเอาอย่างไร เมื่อคุยกันได้สักพัก


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจเรื่องของไทม์ไลน์กองทัพว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทางนั้นบอกให้เปิดด่าน ตนก็บอกว่าได้เลย เปิดพร้อมกันไหม จะได้แสดงสันติภาพว่าจับมือเปิดด่านพร้อมกัน แต่เขาก็ไม่ยอม แต่ตนก็ได้บอกไปว่า ไม่ยอมได้อย่างไร เพราะไทยก็ยอมแล้ว ไม่ได้มีการต่อสู้ เป็นการพูดเพื่อให้ฝั่งเข้าใจว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไร แต่เหตุใดทางนั้นจึงไม่ได้ ไทยต้องเปิดก่อน แต่เขาก็บอกว่าเขาเป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น แต่ตนก็ไม่แน่ใจ จึงขออนุญาตปรึกษากับทีมกลาโหมก่อน และจะมาให้คำตอบในวันต่อไป คือวันที่มีการประชุมที่บ้านพิษณุโลก แต่เมื่อประชุมยังไม่เลิก สมเด็จฮุน เซน ก็มีการโพสต์เฟซบุ๊กว่า ถ้าประเทศไทยไม่เปิดด่านภายใน 24 ชั่วโมง กัมพูชาจะปิดด่านชายแดนทั้งหมด ตนก็รู้สึกว่า อ้าว ทำไมไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ตนก็พยายามจะพูดด้วยความใจเย็น เพราะอยากทราบว่า จริงๆ แล้วเขาต้องการอะไร มีอะไรบ้างที่เราจะทำเพิ่มเติมให้ได้ หรือจะคุยกันอย่างไรให้เกิดการต่อรองและสันติภาพ ไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อกัน นี่คือความตั้งใจของตน แต่สมเด็จฮุน เซน ก็ย้ำเรื่องของการเปิดด่านอย่างเดียว แต่ตนก็ไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจว่ากองทัพพร้อมหรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนก็ไม่ได้รับปากสมเด็จฮุน เซน เพราะต้องรอประชุมกับกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงก่อน “แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้วค่ะ” ว่า ความต้องการของท่านจริงๆ แล้วเป็นความต้องการคะแนนนิยมภายในประเทศของท่านเอง โดยไม่สนใจว่าจะเกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร การที่ท่านต้องการจะมี Popularity ในประเทศของท่าน เพราะท่านก็เคยบอกดิฉันว่า popularity เริ่มตก อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อยากจะเรียกพลังตรงนี้ ดิฉันก็หวังว่าท่านจะได้คะแนนความนิยมเพิ่ม และอยู่ในสายตาของโลกที่จับตามองอยู่ว่า เมื่อผู้นำสองท่านคุยกันส่วนตัว แต่มีการอัดคลิปและปล่อยออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าดิฉันไม่ได้ปล่อย ก็ตามนั้นค่ะ จะได้เข้าใจจุดประสงค์ว่า จริงๆ แล้วเราต้องการเจรจาให้เกิดสันติภาพ ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นหนึ่งในการทำให้ Popularity ของท่านเพิ่มขึ้น ก็ไม่เป็นไร ก็ตามนั้นค่ะ”


เมื่อถามว่า เนื้อหาการสนทนาในคลิปที่หลุดออกมา มีการพูดในลักษณะว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ใช่พวกเรา เป็นเทคนิคในการสนทนาของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร รีบปฏิเสธทันทีว่า หมายถึงเรากับกัมพูชา เราเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว การที่จะมาคุยกัน เราก็พูดถึงกันไม่ดีอยู่แล้ว แต่ตนต้องการทำความเข้าใจกับเขาว่า แม่ทัพภาค 2 พูดไปแบบนั้น เพราะข้อความก่อนที่จะคุยกัน ล่ามที่แปลบอกว่า สมเด็จฮุน เซน โกรธที่มีคลิปแม่ทัพภาค 2 ออกมาแล้วก็ว่าออกไป แต่จริงๆ แล้วถ้าฟังทั้งหมดก็ไม่ได้มีอะไร แต่เป็นการตัดประโยคตรงนั้นออกไป

เมื่อถามว่า มีรายงานว่าจะมีการปล่อยคลิปเต็มออกมา จะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ โดยเฉพาะความมั่นคง เพราะเหมือนกับว่าถูกยุยงให้รบกันเองภายในประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ใช่ค่ะ” ที่ไม่อยากให้คนไทยไปหลงกลตรงนี้ เพราะนี่ก็เป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่ทำให้เข้าใจว่าเราทะเลาะกันเอง แต่จริงๆ แล้วที่ตนพูด เพื่อต้องการให้เขาบอกความต้องการของเขาว่า อะไรที่จะทำให้ประเทศชาติสงบสุข อะไรที่จะทำให้การปะทะจบลง ตนก็อยากรู้ ตนก็ใช้ความสามารถในการพูดคุยว่าจะเอายังไง เพราะตนก็ไม่ยอมที่จะเปิดด่าน แต่หากจะเปิดก็เปิดพร้อมกัน กับ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ดีหรือไม่ จะได้เป็นความสัมพันธ์ร่วมกันว่า เราเลิกทะเลาะกันแล้ว และมาเปิดด่านร่วมกัน นี่คือความตั้งใจของตน แต่สมเด็จฮุน เซน ก็ไม่ยอม ท่านบอกประมาณว่า เป็นการโกหก แต่ตนก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจ เนื่องจากเป็นการแปลจากล่าม เสียงก็จะก้องๆ หน่อย ซึ่งท่านบอกว่า ได้ข้อมูลมาว่าที่ไม่เปิดเพราะทหารโกหก เมื่อท่านได้ข้อมูลนี้มา ตนก็ไม่แน่ใจเรื่องข้อมูล เพราะไม่ได้ดีลตรงนั้น จึงบอกไปว่า ไทยจะมีการประชุมกับฝ่ายความมั่นคงและทหาร เรียกทุกคนมาครบหมด ขอปรึกษากับกองทัพก่อนว่าจะเอาอย่างไร

เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ โดยเฉพาะมีการปล่อยคลิป จะมีการพูดคุยกันต่อได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี นิ่งคิด ก่อนจะบอกว่าไม่ทราบ


เมื่อถามว่า จะยึดหลักสันติในการเจรจากับกัมพูชาได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนก็ไม่ใช่คนที่จะไปท้าตีท้าต่อยอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีการพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว

เมื่อถามว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรและตระกูลฮุน สิ้นสุดลงแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบว่ายังไง แต่ตนไม่ขอคุยส่วนตัวแล้ว เพราะจะมีปัญหาเรื่องของความไว้ใจ

เมื่อถามย้ำว่า เนื้อหาในคลิปจากล่ามที่แปล บอกประมาณว่า นายกฯ พูดว่าอยู่ตรงข้ามกับแม่ทัพภาคที่ 2 จำเป็นจะต้องมีการทำความเข้าใจกับแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดกันระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเข้าใจเลยว่า ถ้าตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับกองทัพจริงๆ เหตุใดตนจึงต้องบอกว่ารอปรึกษากองทัพว่าคิดอย่างไร เหตุใดตนต้องรอกองทัพคิดก่อนว่ากองทัพคิดอย่างไร ทำไมตนต้องรอกองทัพ ถ้าตรงข้ามก็ไม่ต้องรอ แต่นี่ไม่ใช่ ซึ่งตนเห็นจากคลิปแล้ว เขาก็เล่าและสุมกันมาเลยว่า สมเด็จฮุน เซน โกรธมากที่เห็นคลิปนี้ ตนก็คิดว่าตายแล้ว จะเพิ่มเรื่องปัญหาจะมากขึ้นหรือไม่ ตนจึงทำความเข้าใจว่า ไม่มีอะไรหรอก เวลาคนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามพูดถึงกันก็เป็นแบบนี้ พยายามสื่อสารว่าไม่มีอะไรจริงจัง เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่า หากเขายอมเรื่องนี้​ ไทยจะยอมเรื่องนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อคุยเรื่องการเปิดด่านและมีอาวุธ จึงต้องจำกัดเวลา

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า ประโยคสนทนาแบบนี้ ไม่ควรจะออกมาแบบนี้ ยิ่งเป็นผู้นำระดับประเทศ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 32​ ปี​ และเป็นพ่อของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน การนำออกมาเผยแพร่ก็เป็นแบบนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าวของนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินเข้ามายืนร่วมวงแถลงข่าวด้วย โดยยืนอยู่ข้าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นพ.พรหมินทร์ ได้เอื้อมมือไปแตะให้มายืนอยู่ข้างๆ ซึ่งนายอนุทิน มีสีหน้าเรียบเฉย.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย