กทม. 19 ต.ค.-“โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด หัวหน้าผู้ฝึกสอนบีจีเอฟซี หวังพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ ก่อนอำลาทีม ขณะที่บรูไน ขอแจมศึกไทยลีก
“โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด หัวหน้าผู้ฝึกสอนบีจีเอฟซี เปิดเผย ก่อนเกมฟุตบอลโตโยต้า ลีก คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่ “บลูแม็ชชีน” บีจีเอฟซี จะลงสนามพบ “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด วันเสาร์นี้ เวลา 19.00 น. ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ยืนยันนักเตะทุกคนในทีมมุ่งมั่นและตั้งใจซ้อมเป็นอย่างมาก เพื่อเป้าหมายเดียวคือการคว้าแชมป์มาครองให้ได้ ความพร้อมเกมนี้ โค้ชจุ่น จะไม่มี ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ เฉลิมศักดิ์ อักขี ที่ติดโทษแบน และต้องเช็กฟิตของ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ กับ ชาตรี ฉิมทะเล โค้ชจุ่น ย้ำภาระกิจที่ตนรับงานคุมบีจี คือพาทีมหนีตกชั้น แต่ทำไม่ได้ ดังนั้นแชมป์บอลถ้วยคือสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ ขณะเดียวกันเมื่อไม่สามารถพาทีมรอดตกชั้นก็ต้องรับผิดชอบ เตรียมลาออกหลังจบเกมนี้
และจะพาไปรู้จักไป 3 นักเตะคีย์แมน ที่ยังไม่ชัดเจน ว่าจะยังอยู่กับทีมหรือไม่ในฤดูกาลหน้า ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์,ธนบูรณ์ เกศารัตน์ และอานนท์ อมรเลิศศักดิ์ “เจ้านิว” ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางตัวตัดเกม ดีกรีทีมชาติไทย วัย 25 ปีย้ายมาจากสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อปี 2016 คาดว่าค่าตัวประมาณ 30 ล้านบาท “เจ้าตั้ม” ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางและกองหลัง ดีกรีทีมชาติไทย วัย 25 ปี ย้ายมาจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เมื่อปี 2016 เช่นกัน คาดว่าค่าตัวอยู่ที่ 40 ล้านบาท “นนท์”อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ กองกลางดาวรุ่ง วัย 21 ปี ที่เพิ่งติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกนัดที่ไทยบุกไปชนะฮ่องกง 1-0 บีจียืมตัวมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในเลกสองของฤดูกาล 2018 คาดว่าค่าตัวที่ต้องจ่ายให้บุรีรัมย์จะอยู่ประมาณ 20 ล้านบาท
ด้านความพร้อมของสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์ ผู้อำนวยการเผยว่า เข้าชิงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน หวังว่าจะได้ชูถ้วยในครั้งนี้ นัดนี้มีนักเตะติดโทษแบนคือ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล และ ชัยวัฒน์ บุราญ แต่เชื่อว่าทุกคนทดแทนกันได้หมด นอกจากถ้วยนี้แล้วเชียงราย หวังคว้าแชมป์ช้างเอฟเอคัพ ที่พบกับ บุรีรัมย์ สัปดาห์หน้าเช่นกัน สถิติคู่นี้เจอกันมา 19 ครั้ง บีจี ชนะ 11 เสมอ 4 และ เชียงราย ชนะ 4 สำหรับเกมนี้จะเตะวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ที่สนาม ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เวลา 19.00 น. ทีมแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 5 ล้านบาท พร้อมสิทธิ์ในการแข่งขันโตโยต้า แม่โขง คลับ แชมเปี้ยนชิพ ส่วนรองแชมป์รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท
ส่วนกรณีสโมสรบรูไน ขอแจม ไทยลีก สโมสรจากบรูไน จะขอเข้ามาร่วมเล่นในไทยลีก ซึ่งสโมสรดังกล่าวคือ ดีพีเอ็มเอ็ม เอฟซี หรือชื่อเต็มคือ “บรูไน ดูลี เพนกิแรน มูดา มาห์โคตา ฟุตบอลคลับ” โดยทีมนี้ออกมาเล่นนอกประเทศตั้งแต่ปี 2005-2006 ไปร่วม เอ็ม ลีก ของมาเลเซีย พร้อมกับได้อันดับ 3 ต่อเนื่องปี 2006-2007 จนเล่นในปีสุดท้ายคือ 2007-2008 จากนั้น 2009 ได้ไปเล่นลีกสิงคโปร์ แต่ปี 2010-2011 โดนฟีฟ่าแบน เพราะสมาคมฟุตบอลบรูไน ถูกตรวจสอบพบว่าโดนรัฐบาลแทรกแซงด้านกีฬา ก่อนที่จะมีการอุทธรณ์ พร้อมกับล้างผลการแข่งขันในปี 2009 ออกไป พร้อมกลับมาในฤดูกาล 2012-2018 ซึ่งเคยเป็นแชมป์ในปี 2015 อีกด้วย
พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มีสโมสรฟุตบอลจากประเทศบรูไน ส่งอีเมลล์ถึงสมาคมฯ แสดงความสนใจที่จะส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ยังมีรายละเอียดอีกหลายเรื่องที่ต้องคุย และหารือกับเหล่าสโมสรสมาชิกทั้่งหมด โดยสมาคมฟุตบอลไทย และบรูไน จะต้องทำเรื่องส่งไปยังสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี แจ้งถึงเหตุผล ความจำเป็น ผลประโยชน์ ที่จะได้รับ จากนั้นเมื่อเอเอฟซีพิจารณาจะส่งต่อไปยังฟีฟ่า ซึ่งดูแล้ว ไม่น่าจะทันในการแข่งขันปีหน้า ส่วนการรวมลีกกันของ T3 และT4 ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเช่นกัน
ทั้งนี้ สำหรับสโมสรจากประเทศบรูไน ส่งข้อมูลยืนยันว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้กับสโมรจากไทย เวลาออกไปเป็นทีมเยือน ทั้งค่าเครื่องบิน ที่พัก แต่ยังไม่มีการยื่นขอซื้อลิขสิทธิ์ ซึ่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ เผยว่า เรื่องสิทธิประโยชน์ ต้องดูว่า บรูไน จะซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดไปด้วยหรือไม่ และให้ค่าตอบแทนค่าลิขสิทธิ์เท่าไหร่ และการมาอยู่ต้องอยู่มากกว่า 1 ปี อาจจะ 3- 5 ปี.-สำนักข่าวไทย