หนองคาย 11 ต.ค.- ศุลกากรหนองคายจับ 3 ชาว สปป.ลาว พร้อมเงิน 38 ล้านบาท ซุกเก๋งเตรียมผ่านแดน รับสารภาพและยินยอมระงับคดีในชั้นศุลกากร ยึดเงินเข้าหลวง
เมื่อเวลา 10.00 น. (11 ต.ค.) ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย –ลาว แห่งที่ 1 อ.เมือง จ.หนองคาย นายกฤษฎา ทองธรรมชาติ ผู้อำนวยการศุลกากรภาคที่ 2 และนายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย แถลงจับกุมชาว สปป.ลาว 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน ขณะเดินทางด้วยรถยนต์ ทะเบียนกำแพงนคร พร้อมของกลางธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ซุกซ่อนในตู้ลำโพงด้านหลังรถจำนวน 10 ล้านบาท และซ่อนไว้ในช่องเก็บของช่วงกลางเบาะนั่งโดยสารด้านหลัง 28 ล้านบาท รวม 38 ล้านบาท เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ข่าวเชิงลึกของการลักลอบนำเงินตราออกนอกประเทศ จึงได้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด กระทั่งค่ำวานนี้ (10 ต.ค.) มีรถยนต์คันดังกล่าวขับเข้ามาบริเวณด่านพรมแดนและกำลังจะออกนอกประเทศ เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงเรียกตรวจสอบพบว่ามีการอำพรางนำเครื่องอุปโภคบริโภควางปกปิดลำโพงในช่องเก็บของกระโปรงหลังรถ
สอบสวนเบื้องต้นทั้งสามยอมรับสารภาพ และอ้างว่าแต่ละคนมีธรกิจเป็นของตัวเอง เป็นเงินที่ได้จากการขายอาหารสดและอาหารแห้ง รวมทั้งทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ด้วย และหลังถูกจับกุมยินยอมระงับคดีในชั้นศุลกากร
นายกฤษฎา กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ศุลกากรหนองคายตรวจยึดเงินได้ โดยครั้งแรกยึดได้จำนวน 98 ล้านบาท และครั้งที่สอง 30 ล้านบาท ซึ่งการลักลอบนำเงินออกนอกประเทศเป็นความผิดตาม มาตรา 166 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 เจ้าของหรือผู้ครอบครองมีความผิดฐานพยายามลักลอบนำเงินตราไทยออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 และมาตรา 252 และ มาตรา 165 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 8 ทวิ พ.ร.บ.แลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ.2485 โดยศุลกากรจะประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ทำการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายหรือยาเสพติดหรือไม่ แต่เมื่อผู้กระทำผิดทั้ง 3 คน ยอมรับผิดและยินยอมระงับคดีในชั้นศุลกากร ก็จะถูกปรับเงินคนละ 20,000 บาท และคืนเงินให้คนละ 2 ล้านบาทตามสิทธิ เงินที่เหลือ 32 ล้านบาท ยึดเข้าหลวง รวมทั้งรถยนต์ถูกยึดด้วย
ด้านนายนิมิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า การนำเงินออกนอกประเทศที่เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามมีอยู่ 5 กลุ่ม ถูกจับกุมแล้ว 3 กลุ่ม ยังเหลือที่ต้องจับตาอีก 2 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มนี้จะถูกดำเนินการเช่นเดียวกัน โดยการเป็นชาวต่างชาติก็จะถูกควบคุมตัวไว้ก่อนจนกว่าคดีจะสิ้นสุดจึงจะกลับประเทศได้และต้องมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้งที่ได้รับการประสาน ส่วนเงินของกลางจะนำไปเก็บรักษาไว้ที่ธนาคารก่อนจะโอนเข้าคลังต่อไป.-สำนักข่าวไทย