กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – สศก.เผยไทยนิยมยั่งยืน ลดพื้นที่ปลูกยาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกยางกว่า 1,700 ไร่ เกษตรกรพอใจระดับมากเพิ่มทางเลือกอาชีพ
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวถึงโครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมการลดพื้นที่ปลูกยางตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส โดย สศก.ที่ 9 จังหวัดสงขลา (สศท.9) รายงานว่ามีเกษตรกรได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ 573 ราย ซึ่งจะสามารถลดพื้นที่ปลูกยาง 3,105 ไร่ และสามารถลดปริมาณผลผลิตยางเข้าสู่ระบบได้ถึง 153 ตันต่อปี
สำหรับผลการดำเนินงานเดือนสิงหาคม 2561 ขณะนี้มีเกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกยาง 436 ราย พื้นที่ 1,796 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 58 และคาดว่าเกษตรกรที่เหลือจะดำเนินการเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ พร้อมกันนี้เกษตรกรเข้ารับการอบรมตามแผนพัฒนาอาชีพตามศักยภาพ 377 ราย คิดเป็นเป็นร้อยละ 66 เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวิเคราะห์การพัฒนาอาชีพต่อไป นอกจากนี้ เกษตรกรได้ร่วมวิเคราะห์วางแผนการผลิตตามกิจกรรมศักยภาพของตนเอง โดยส่วนใหญ่มีการวางแผนปลูกพืช ได้แก่ ทุเรียน มะพร้าว กล้วย หมาก และผัก ถึงร้อยละ 95 ส่วนอีกร้อยละ 5 วางแผนการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเกษตรกรเริ่มทำตามแผนการผลิตร้อยละ 74 และอยู่ระหว่างการปรับสภาพพื้นที่ร้อยละ 26
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่เกษตรกรรับทราบข้อมูลรายละเอียดโครงการผ่านเจ้าหน้าที่รัฐเป็นหลัก คิดเป็นร้อยละ 40 รองลงมาผ่านผู้นำชุมชน ร้อยละ 30 และผ่านทางโทรทัศน์ วิทยุ และประกาศของทางราชการเท่ากัน ร้อยละ 10 โดยเหตุผลที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ต้องการปรับเปลี่ยนกิจกรรม เนื่องจากเห็นว่าราคายางตกต่ำ ต้นยางไม่สมบูรณ์ มีอายุมาก และเกษตรกรขาดแคลนแรงงานกรีดยาง เกษตรกรบางส่วนมีสวนยางหลายแปลงดูแลไม่ทั่วถึงและสวนยางอยู่ในพื้นที่เสี่ยง โดยภาพรวมเกษตรกรมีความพึงพอใจระดับมาก เนื่องจากช่วยเพิ่มทางเลือกในการประกอบอาชีพการเกษตรที่หลากหลายมากขึ้น
ขณะนี้มีเกษตรกรบางส่วนประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ แต่เนื่องจากบางรายไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน หรือมีเนื้อที่ไม่ถึง 2 ไร่ ทำให้ไม่สามารถขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้ โดยเห็นว่าระยะเวลาในการสมัครเข้าร่วมโครงการค่อนข้างน้อย ทำให้เกษตรกรไม่มีเวลามากพอในการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากการปรับเปลี่ยนกิจกรรมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เนื้อที่ถือครองทางการเกษตร เนื้อที่ปลูกยาง ราคาไม้ยางพาราที่ได้รับหากปรับเปลี่ยนกิจกรรม และทักษะความรู้ในการปลูกพืชชนิดใหม่ เป็นต้น ซึ่งเกษตรกรหลายรายสนใจจะเข้าร่วมโครงการเพิ่ม หลังจากเห็นว่าเพื่อนบ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รับความช่วยเหลือและได้ผลจริง รวมทั้งเห็นด้วยที่ภาครัฐมีการบูรณาการร่วมกันมีการติดตามผลต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีต่อนโยบายลดพื้นที่ปลูกยางพาราที่จะทำต่อไปในอนาคต.-สำนักข่าวไทย