เร่งสางปัญหารุกที่ ส.ป.ก.ดอยแม่สลอง

กรุงเทพฯ 19 ก.พ. – เลขาฯ ส.ป.ก.รุดตรวจพื้นที่ดอยแม่สลอง พร้อมประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทุกฝ่าย แก้ปัญหาการบุกรุกก่อสร้างโรงแรม ร้านอาหาร เร่งหาข้อสรุปสถานะของพื้นที่ที่ยังทับซ้อน เพื่อให้แต่ละหน่วยงานใช้กฎหมายดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ คาดคืนพื้นที่บางส่วนที่มีความลาดชันสูงทำการเกษตรไม่ได้คืนกรมป่าไม้ 


นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า เดินทางไปตรวจสภาพพื้นที่ดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่จัน จ.เชียงรายตามการมอบหมายของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ย้ำให้แก้ไขการบุกรุกที่ ส.ป.ก.ทั่วประเทศ จากนี้ไปปัญหาทุกอย่างจะต้องหยิบยกขึ้นมาดำเนินการให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมโดยด่วนที่สุด ทั้งนี้ ได้ให้นายมณู วงศ์สุนทร ปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงราย เชิญปลัดจังหวัด เจ้าพนักงานสำนักป่าไม้ที่ 2 เชียงราย และสำนักอนุรักษ์ที่ 15 สรุปปัญหาร่วมกัน เพื่อหาแนวทางจัดการพื้นที่อย่างเหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากที่ผ่านมาคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานไม่สามารถแก้ไขได้ ทำให้ปัญหาเรื้อรังมานาน


สำหรับพื้นที่ดอยแม่สลองอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินโครงการป่าน้ำแม่คำ ป่าน้ำแม่สลอง และป่าน้ำแม่จันฝั่งซ้ายโซนอี มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2537 เนื้อที่ 80,825 ไร่ ก่อนหน้านี้กองบัญชาการกองทัพไทยขอใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวจากกรมป่าไม้เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2516 เนื้อที่ 90 ตารางเมตร (56,250 ไร่) และออกหนังสืออนุญาตให้ทหารจีนคณะชาติอพยพและครอบครัว (ทหารจีนกองพล 93) ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์ในพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพัฒนาอาชีพ ทำให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินหลากหลายกิจกรรม ได้แก่ ภัตตาคาร ร้านอาหาร รีสอร์ท และโรงแรมจำนวนมาก เพื่อบริการนักท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจบนดอยแม่สลองขยายตัวอย่างรวดเร็ว ต่อมากองบัญชาการกองทัพไทยส่งมอบคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2553 จากนั้นพื้นที่บริเวณดอยแม่สลองจึงอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินและเป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ป.ก.ในการดำเนินการปฏิรูปที่ดินตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปี 2518 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2532 โดยปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงรายออกเอกสาร ส.ป.ก. 4-01 ในโครงการดังกล่าวทั้งพื้นที่เกษตรกรรมและที่ดินชุมชน 199 ราย จำนวน 2,279 แปลง เนื้อที่ 8,419 ไร่

คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงรายมีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2557 กำหนดขอบเขตพื้นที่ชุมชนบนสันติคีรี ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง เป็นพื้นที่เพื่อประกอบกิจการสนับสนุนเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่ 3,177 ไร่ แต่ปัญหากิจการหลายอย่าง เช่น รีสอร์ท โรงแรม ร้านขายของที่ระลึก การปลูกชาที่มิใช่เพื่อหวังผลิตผลทางการเกษตร แต่เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าชมไร่ชา เป็นต้น ไม่สามารถขออนุญาตดำเนินการตาม พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เนื่องจากไม่ชัดเจนว่าเป็นกิจการที่สนับสนุนเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมแก้ไขปัญหาแล้วเสนอให้กองทัพบกขอใช้ที่ดินจาก ส.ป.ก. เพื่อนำมาจัดให้แก่เกษตรกร โดยยึดหนังสืออนุญาตที่อนุญาตให้ทหารจีนกองพล 93 เข้าใช้ประโยชน์และให้เหตุผลการขอใช้ว่าเป็นการขยายโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ นอกจากนี้ ราษฎรในพื้นที่ไม่ประสงค์ให้ที่ดินดังกล่าวอยู่ในบังคับของกฎหมาย ส.ป.ก. หรือหากจะใช้บังคับจะขออนุโลมให้เป็นพื้นที่ลักษณะพิเศษด้านความมั่นคงตามที่เคยได้รับอนุญาต


นายวิณะโรจน์ กล่าวว่า การประกอบอาชีพข้างต้นยังไม่เข้าข่ายเป็นกิจการที่สนับสนุนเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน ทำให้ต้องหยุดการประกอบกิจการจนกว่าจะมีกลไกอื่นที่เอื้อให้ประกอบอาชีพดังกล่าวในที่ส.ป.ก. ได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาเรื่องสถานะของพื้นที่ให้ชัดเจนก่อนว่าการส่งมอบที่ดินจากกรมป่าไม้ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินถือว่ามีความสมบูรณ์แล้วหรือไม่ หากที่ดินส่วนใดเป็นของหน่วยงานอื่น ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ สมควรที่แต่ละหน่วยงานจะให้อำนาจหน้าที่ดำเนินการแก้ไขตามกฎหมาย อีกทั้งบริเวณที่มีความลาดชันมากกว่าร้อยละ 35 ยากต่อการดูแลรักษาสำหรับการเกษตรจะกันคืนกรมป่าไม้

ก่อนหน้านี้ทางคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงรายเสนอแนะการแก้ปัญหา 4 แนวทาง คือ 1.พื้นที่ดังกล่าวเป็นภูเขาสลับซับซ้อนและติดแนวชายแดนไทยพม่า เดิมผู้อพยพสามารถทำอาชีพได้ตามความประสงค์ โดยไม่จำกัด ดังนั้น จึงเห็นควรจัดพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่พิเศษในการประกอบอาชีพหรือการอยู่อาศัยในพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนและราษฎรในพื้นที่สามารถอยู่อาศัยโดยปกติสุข เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกรณีนี้อาจต้องนำสู่การแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายของรัฐบาลหรือฝ่ายบริหารประเทศ 2. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่บนดอยแม่สลองเป็นการเฉพาะ 3. กำหนดกิจกรรมท่องเที่ยวและกิจการที่สนับสนุนและเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวดังกล่าวให้เป็นกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกตามความมาตรา 30 วรรค 5 แห่ง พ.ร.บ. ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 และแก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจากบัญชีรายละเอียดรายการกิจการอื่น ๆ แนบท้าย ประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556 มิได้กำหนดกิจการประเภทดังกล่าวไว้ในข้อ 1.5 ของบัญชีดังกล่าว ดังนั้น กรณีนี้อาจจะเป็นกิจการอื่น ๆ ที่เป็นการบริการในเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดินหรือกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในด้านเศรษฐกิจและสังคมในเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน และ 4.หากไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ากิจการดังกล่าวเข้าข่ายตามข้อ 2 หรือไม่ อย่างไร เห็นควรพิจารณาดำเนินการตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่อง…ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2533 ข้อ 3 

ทั้งนี้ กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับประเภทกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ให้เสนอคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) พิจารณาวินิจฉัย สำหรับปัญหานี้คณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติรับทราบแล้ว เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 โดยจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและลดความขัดแย้งในพื้นที่ต่อไป แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย