กรุงเทพฯ 12 ก.ย.- อดีตพระพุทธะอิสระ สารภาพ ทำร้ายตำรวจกลางม็อบ กปปส.ปี 57 ศาลนัดฟังคำพิพากษา 29 ตุลาคมนี้
ศาลอาญา นัดสอบคำให้การ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยและแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ จำเลย ในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือกระทำด้วยการใดให้เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ฯ ให้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายฯ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ
โดยวันนี้ อดีตพระพุทธะอิสระ สวมชุดสีขาว นั่งรถเข็ญมายังศาล เนื่องจากยังมีอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ข้อเข่าเสื่อม และเพิ่งผ่าตัดตาข้างขวาจากจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งมีลูกศิษย์มาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ศาลสอบคำให้การ จำเลย ซึ่งให้การรับสารภาพ ศาลจึงสั่งให้จำเลยเข้าสู่กระบวนการสืบเสาะและพินิจ โดยให้สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 7 ทำหน้าที่สืบเสาะดูรายละเอียด ประวัติ และพฤติการณ์ทางคดี และทำรายงานเสนอต่อศาล ก่อนวันที่ศาลจะนัดฟังคำพิพากษา ในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ เวลา 09.00 น.
ด้าน นายสุวิทย์ หรือ อดีตพระพุทธะอิสระ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน แต่ได้ชี้แจงคำให้การต่อศาล เป็นเอกสารแจกจ่ายให้สื่อมวลชนแทน โดยระบุว่า “เนื่องจากอาตมาภาพในฐานะผู้นำการชุมนุมของประชาชนเวทีแจ้งวัฒนะ ขอแถลงต่อศาลว่า พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมะสั่งสอนไว้ว่า ธรรมใดเกิดแต่เหตุพระองค์ทรงแสดงเหตุและความดับเหตุแห่งธรรมนั้นการมีชายสองคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ถูกการ์ดจิตอาสารุมทำร้ายจนถึงขนาดบาดเจ็บ แม้อาตมาจะไม่รู้ไม่เห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็มิอาจปฏิเสธความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แม้ผู้อื่นจะเป็นผู้กระทำ ก็ตาม อาตมาจึงขอแสดงความรับผิดชอบกับความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้น และพร้อมจะช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหายตามกำลังความสามารถที่ตนมีจึงกราบเรียนความข้างต้นต่อศาลที่เคารพ”
คดีนี้ เกิดขึ้น เมื่อ 11 ก.พ. 2557 เวลากลางวัน ขณะนั้นมีการตั้งเวทีปราศรัยของกลุ่ม กปปส.ที่ ถ.แจ้งวัฒนะ บริเวณหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ มี อดีตพระพุทธะอิสระเป็นหัวหน้าผู้นำกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณเวทีดังกล่าวทั้งหมด โดยอดีตพระพุทธะอิสระกับกลุ่มบุคคลไม่ทราบชื่อจำนวนมากกว่า 5 คนขึ้นไป ซึ่งทำหน้าที่เป็นการ์ดคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ร.ต.ต.สมคิด เชยกมล และ ด.ต.วชิรพงศ์ อุ่นนวลบูรพงศ์ ผู้เสียหายที่ 1-2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เข้าไปทำหน้าที่สืบสวนหาข่าว อดีตพระพุทธะอิสระ กับพวกได้ใช้กำลังจับผู้เสียหายทั้งสองปิดตา มัดมือไพล่หลัง ใช้กำลังประทุษร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายสาหัส กระดูกซี่โครงหักและตับฉีกขาด บาดแผลใช้เวลารักษาตัวประมาณ 6 สัปดาห์ ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กาย มีบาดแผลฟกช้ำหลายแห่ง ฟันซ้ายล่างหัก ใช้เวลารักษาตัวประมาณ 10 วัน และเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งสองเสียหาย รวมมูลค่า 60,900 บาท
นอกจากนี้ ยังร่วมกันข่มขู่ให้ผู้เสียหายทั้งสอง บอกรหัสปลดล็อกโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหาย ให้บอกว่าตนเป็นผู้ใด เข้ามาบริเวณที่ชุมนุมเพื่ออะไร เมื่อไม่ยอมบอก จึงใช้กำลังประทุษร้ายและข่มขู่ว่าจะเอาผู้เสียหายทั้งสองไปลอยน้ำ จนผู้เสียหายทั้งสองต่างจำยอมทำตาม.-สำนักข่าวไทย