ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ 7 ก.ย. – ขุนคลังมั่นใจการอ่อนค่าของสกุลเงินรูเปียห์อินโดนีเซียไม่กระทบค่าเงินบาท ขณะที่แผนคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับรายย่อยซื้อผ่านร้านธงฟ้าเท่านั้น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยกรณีหลังวิกฤติสถานการณ์ค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) มีปัญหาความผันผวน อย่างเช่น ค่าเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย ซึ่งประเทศมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับว่าค่าเงินผันผวนเหลือเพียง 453.46 รูเปียห์ต่อ 1 บาท หรือ 14,873.65 รูเปียห์ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ มั่นใจว่าเงินบาทของไทยจะไม่ได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของสกุลเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เช่น อินโดนีเซีย เนื่องจากไทยฐานะการคลังมั่นคงและพื้นฐานทางเศรษฐกิจเข้มแข็งรองรับปัญหาผลกระทบจากต่างประเทศได้ อย่างไรตาม รัฐบาลยังได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมมาตรการรองรับหากปัญหาที่เกิดขึ้นขยายวงกว้างและลุกลามมากขึ้น ขณะนี้ไทยมีเงินกู้ต่างประเทศสัดส่วนเพียงร้อยละ 4 จากงินกู้ทั้งหมด ดังนั้น หากต่างชาติมีการดึงเงินกลับ คาดว่าจะไม่เกิดปัญหา และขณะนี้ไทยมีกระแสเงินไหลเข้าจากกองทุนต่างชาติ ขณะที่ประเทศมีปัญหาเงินทุนไหลออก แม้ไทยอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่คาดว่าผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจะไม่กระทบต่อไทยมากนัก
นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการ 11 ล้านคนภายในสัปดาห์หน้า หวังลดภาระให้กับผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน โดยต้องใช้เงินผ่านบัตรสวัสดิการประมาณ 8,000 บาทต่อเดือน กำหนดเริ่มโครงการตั้งแต่เดือนพฤศิกายน 2561 – เมษายน 2562 หวังทดลองนำร่องเป็นเวลา 6 เดือน ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง เพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้มีรายได้น้อยใช้จ่ายสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน โดยรายการภาษีมูลค่าเพิ่มจะถูกส่งไปยังกรมบัญชีกลางและส่งคืนเงินเข้ามาในบัตรวันที่ 15 ของเดือนถัดไป และกำหนดเฉพาะการใช้จ่ายกับร้านธงฟ้าเท่านั้น จากนั้นค่อยขยายไปยังร้านค้าอื่นเพิ่ม.-สำนักข่าวไทย