นนทบุรี 6 ก.ย. – พาณิชย์เตือนผู้ส่งออกลิ้นจี่ไทยรักษาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าให้ดี หลังพบเวียดนามเริ่มหันมาผลิตและส่งออกลิ้นจี่สู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ ได้รายงานผลการติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าลิ้นจี่ของเวียดนาม พบว่าปัจจุบันจังหวัดบั๊กยาง ซึ่งเป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนามมีการผลิตลิ้นจี่เพิ่มขึ้น คาดว่าปี 2561 จะผลิตได้สูงถึง 207,000 ตัน และมีแผนส่งออกไปขายใน 30 ประเทศ กว่า 1,000 ตัน โดยมีตลาดสำคัญ ได้แก่ สหรัฐ สหภาพยุโรป แคนาดา จีน ญี่ปุ่น ไทย และออสเตรเลีย และยังมีแผนขยายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ในยุโรปตะวันออกและรัสเซียเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยังพบว่าจังหวัดบั๊กยางมีแผนผลักดันให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกลิ้นจี่เพิ่มขึ้น โดยจะขยายตลาดทั้งในประเทศและส่งออก ซึ่งตลาดในประเทศจะถูกส่งไปขายที่กรุงฮานอย โฮจิมินห์ กว๋างนิญ และดานัง และยังมีการนำเข้าไปจำหน่ายในห้างค้าปลีก เช่น Sai Gon Co.op , Hapro และ Big C เป็นต้น ส่วนตลาดต่างประเทศจะผลักดันส่งออกไปประเทศใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดได้ส่งออกไปยังมาเลเซียและมีแนวโน้มมาเลเซียจะซื้ออย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันสำนักงานการค้าของเวียดนามในมาเลเซียยังร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในมาเลเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม ไม่เพียงแค่ลิ้นจี่ แต่ยังขยายไปถึงผัก ผลไม้ อาหารทะเล และอาหารสำเร็จรูป และได้เดินหน้าในการพัฒนามาตรฐานสินค้า รูปแบบบรรจุภัณฑ์ และมาตรฐานการขนส่ง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดมาเลเซีย
“เวียดนามมีการพัฒนาการเพาะปลูกและการส่งออกลิ้นจี่ไปตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของไทย และยังมีการส่งออกไปจำหน่ายในตลาดเดียวกันกับที่ไทยส่งออก ส่งผลให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น กรมฯ เห็นโอกาสในการขยายช่องทางตลาดแก่สินค้าของไทย จึงขอให้ผู้ส่งออกผลไม้ต้องรักษาคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเอาไว้ให้ได้ และต้องพัฒนารูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยและรักษาสินค้าให้สดใหม่เมื่อถึงมือลูกค้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทยให้ยังคงอยู่ต่อไป” นางจันทิรา กล่าว.-สำนักข่าวไทย