อาคารทู แปซิฟิคเพลส 23 ส.ค-สุเทพระบุโชว์หนังสือสำนักงบฯ แจงป.ป.ช.ประเด็นสร้างโรงพักทดแทน ย้ำทำทุกอย่างตามมติครม.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยและอดีตรองนายกรัฐมนตรีไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงกรณีสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ว่า จะกล่าวถึงประเด็นที่คณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ยกมาเป็นประเด็นกล่าวหาคือประเด็นที่ว่าฝ่าฝืนมติคณระรัฐมนตรี(ครม.) ไม่ปฏิบัติตามมติครม. เนื่องจากในการพิจารณาอนุมัติโครงการนี้ในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 และครม.มีมติอนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งนี้ โดยให้ตร.ดำเนินการตามความเห็นสำนักงบประมาณ และยกเว้นการปฏิบัติตามมติครม.เมื่อวันที 10 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่องการปรับปรุงแก้ไขมติครม.เรื่องหลักเกณฑ์ เรื่องการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปี
“ตรงที่บอกว่าให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบฯทางคณะอนุกรรมการไต่สวนป.ป.ช.อ้างหลักฐานหนังสือของสำนักงบฯ ลงวันที่ 27 พ.ย.2551 ที่มีไปถึงเลขาธิการครม. เพื่อนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมครม. เรื่องอนุมัติก่อสร้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ทั้งหมดมี 3 หน้า ซึ่งถ้านักเรียนมัธยมอ่านก็เข้าใจว่าสำนักงบฯ เสนอครม.ให้ตร.ดำเนินการในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วน ในกรอบวงเงิน 6,672 ล้านบาทและให้ก่อหนี้ผูกพัน และในงบประมาณปี 2552 ให้ตร.ปรับแผนการใช้เงินที่ตัวเองได้รับงบประมาณร้อยละ 5 ของโครงการนี้คือ 333 ล้านบาทมาใช้ในปีแรก ส่วนงบที่เหลือเข้าไปผูกพันงบประมาณปี 2553-2554 ให้ตร.เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับค่างานตามสัญญาต่อไป” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า หนังสือฉบับนี้สำนักงบประมาณไม่ได้พูดตรงไหนเลยว่าจะต้องใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างอย่างไร แต่คณะอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.อ้างเองว่าสำนักงบประมาณเห็นว่าจะต้องจัดซื้อจัดจ้างด้วยการกระจายการจัดซื้อจัดจ้างไปยังหน่วยงานในสังกัดตร.ตามพื้นที่ที่จะทำการก่อสร้าง เพื่อให้สำเร็จเป็นรูปธรรมได้เร็วขึ้น เมื่อครม.มีมติให้ดำเนินการตามความเห็นสำนักงบประมาณ ก็ต้องจัดจ้างกระจายไปตามพื้นที่ เพราะถ้าไม่ทำถือว่าฝ่าฝืนมติครม. จึงนำหนังสือที่เขาอ้างถึงไปแสดงกับคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่
“ผมชี้ให้คณะกรรมการป.ป.ช.เห็นว่าส่วนแรกของหนังสือเป็นข้อความที่สำนักงบประมาณท้าวความเดิมว่าโครงการฯนี้เป็นมาอย่างไร ใครคิดอย่างไรบ้าง รวมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2551 ที่บอกว่าถ้าตร.มีความพร้อม ควรกระจายการจัดซื้อจัดจ้างไปยังที่ต่าง ๆ เพราะจะทำให้โครงการสำเร็จเป็นรูปธรรมเร็วขึ้น ทั้งนี้ สำนักงบฯ ไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินใจว่าโครงการต่าง ๆ จะใช้วิธีการจัดจ้างอย่างไร ไม่ได้มีหน้าที่พิจารณาการจัดจ้าง แต่สำนักงบฯมีหน้าที่พิจารณาเฉพาะเรื่องวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในโครงการเท่านั้น ” นายสุเทพ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
