โรงแรมเซ็นทาราศูนย์ราชการฯ 23 ส.ค.-ป.ป.ช.จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ผลักดันยุทธศาสตร์ชาติป้องกันทุจริต กอญ.บมจ.อสมท ชี้ต้องพัฒนาช่องทางให้ข้อมูล สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วม
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จัดโครงการสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ระดับชาติ ภายใต้หัวข้อ การผลักดันยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตสู่ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริตโดยมีกิจกรรมแบ่งกลุ่มเสนอผลงานโครงการตามยุทธศาตร์ชาติระยะที่ 3 (พ.ศ.2560-2564) ใน 6 ยุทธศาตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองต่อต้านการทุจริต ยุทธศาสตร์ที่ 3 สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยบาย ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนาระบบป้องกันการทุจริตเชิงรุก ยุทธศาสตร์ที่ 5ปฏิรูปกลไกและกระบวนการการปราบปรามการทุจริต และยุทธศาสตร์ที่ 6 ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทย
ทั้งนี้ ได้อภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในยุทธศาสตร์ที่ 4 ภายใต้หัวข้อ นวัตกรรมการป้องกันการทุจริต มีผู้เข้าร่วม ได้แก่ นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายณัฏฐา พาชัยยุทธ เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) นายจักรพงษ์ วงค์อ้าย นักวิชาการศึกษาชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) นายชัยวัฒน์ เหลืองเมฆา ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
นายเขมทัตต์ กล่าวว่า อุปสรรคของการปราบปรามการทุจริตอยู่ที่บุคคล ดังนั้น ควรสร้างความเข้าใจและพัฒนาความรู้ของตัวบุคคล ซึ่งการทุจริตเริ่มจากกระบวนการ เช่น ต้องการลดขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ จากภาครัฐ การปิดบังการบิดเบือนข้อมูล บุคลากรของหน่วยงานไม่เข้าใจมาตรฐานหรือกฎเกณฑ์ของหน่วยงาน ในฐานะองค์กรสื่อจึงเห็นว่าต้องพัฒนาข้อมูลข่าวให้เข้าถึงประชาชนและร่วมตรวจสอบสังคม เพราะสื่อมีหน้าที่คล้ายคลึงกับป.ป.ช. คือ สืบค้น เจาะลึกข้อเท็จจริงและนำเสนอ
“สำนักข่าวไทย อสมทได้ผลิตรายการชัวร์ก่อนแชร์ออกอากาศผ่านช่วงข่าว เพื่อตรวจสอบความจริงบนโลกโซเซียล ซึ่งที่ผ่านมาออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์ แต่ปัจจุบันเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้ประชาชนเข้าถึง รวมถึงทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับภาคีเครือข่าย 30 หน่วยงาน เพื่อส่งข้อมูลข่าวสารเข้ามาให้ตรวจสอบ และเรื่องที่ประชาชนสนใจมากที่สุดคือ เรื่องสุขภาพ กฎหมาย ศาสนา การเมืองข่าวด่วน ข่าวแปลก นอกจากนี้ได้เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบข้อมูลของศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ด้วยการจัดทำฐานข้อมูล (Big Data) และอาจนำระบบ AI เข้ามาใช้ในอนาคต โดยศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ สามารถเป็นเครื่องมือที่จะช่วยป.ป.ช.หรือหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ร่วมตรวจสอบได้ ส่วนการนำนวัตกรรมมาใช้ไม่จำเป็นต้องเป็นด้านเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่สามารถนำระบบความคิดมาปรับใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในองค์กรต่าง ๆ ได้” นายเขมทัตต์ กล่าว
ด้านนายณัฏฐา กล่าวว่า ที่ผ่านมาการเข้ารับบริการภาครัฐของประชาชนมีช่องโหว่ให้เกิดทุจริต รับสินบน เพื่อให้กระบวนการติดต่อมีความรวดเร็ว แต่ปัจจุบันมีกฎหมาย พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ที่ประชาชนสามารถรู้ขั้นตอนการขออนุญาตหรือติดต่อกับราชการ และทราบว่าเจ้าหน้าที่คนใดเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องจากคู่มือสำหรับประชาชน อีกทั้งยังมีช่องทางการร้องเรียน หากไม่ได้รับความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลและระยะเวลาดำเนินการผ่านอินเตอร์เนตได้
ขณะที่นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ป.ป.ท. ได้นำนวัตกรรมเรื่องการบริหารความเสี่ยงมาใช้ป้องกันการทุจริต พร้อมจัดทำคู่มือการประเมินความเสี่ยงให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ 58 หน่วยงานเป็นแนวทางปฏิบัติ โดยเฉพาะองค์กรที่ประชาชนต้องมาติดต่อขอรับบริการ เช่น กรมการขนส่งทางบก การไฟฟ้า การประปา โดยหลังจากนี้เตรียมขับเคลื่อนให้หน่วยงานใช้คู่มือบริหารความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาการทุจริตได้ในเบื้องต้น.-สำนักข่าวไทย
