ถกร่วมกฎหมายประมงทะเลครั้งแรก หาทางออกแก้ปัญหาแรงงานประมง

กระทรวงแรงงาน 21 ส.ค.-กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ถกสมาคมประมง แก้ปัญหาการคุ้มครองแรงงานประมงทะเล หลังเดือดร้อนกฎหมายไม่ตอบโจทย์การปฏิบัติ


นายสมบูรณ์ ตรัยศิลานันท์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประธานในการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการคุ้มครองแรงงานในกิจการประมงทะเล ครั้งที่ 1/2561 กล่าวว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่คณะทำงานฯ ได้ร่วมหารือกับ สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เพื่อหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาในหลักปฏิบัติของผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ ในการคุ้มครองแรงงานในกิจการประมง ตามกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมง พ.ศ.2561 ซึ่งในที่ประชุมได้มีข้อสรุป คือให้ยกเลิกการส่งสำเนาเอกสารสัญญาจ้างในงานประมงทะเล (แบบ ปม.1)และสำเนาทะเบียนลูกจ้างในงานประมงทะเล(แบบ ปม.3) ในแบบรับสำเนาเอกสาร (แบบ ปม.5)ของกรมสวัสดิฯ เนื่องจากซ้ำซ้อนกับกรมเจ้าท่า ประกอบอกสารตาม ม.285 พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และบัญชีรายชื่อคนประจำเรือ โดยไม่ต้องยื่นเอกสารดังกล่าวที่ศูนย์ PIPO แต่ต้องเก็บไว้ประจำเรือตลอดเวลา พร้อมให้ยกเลิกการทำสัญญาจ้างตัวเองของนายจ้างผู้เป็นเจ้าของเรือ หรือสัญญาจ้าง ภรรยา/สามี ในทะเบียนสมรส หรือบุตร ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือยังไม่ได้รับเงินเดือนเข้าสู่การจ้างงาน ที่ต้องลงเรือประมง เนื่องจากเกิดความยุ่งยาก ไม่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ เพราะจากเดิมที่ต้องทำสัญญาจ้าง มิเช่นนั้นจะออกเรือทำประมงไม่ได้  


ทั้งนี้ สำหรับประเด็นการลงเวลาพักของชาวประมงที่มีความสับสนว่า จะลงเวลาพักอย่างไรจึงจะไม่ผิดกฎหมายของกรมสวัสดิการฯ ซึ่งนายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมประมงแห่งประเทศไทย สะท้อนว่า ลักษณะการทำงานของชาวประมงไม่เหมือนกัน แต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน เวลาพักก็ไม่ตายตัว ไม่แน่นอน และที่สำคัญระเบียบนี้เป็นช่องว่างให้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจจับกุม ได้รับความเดือดร้อน เพราะทางกรมประมง ประกาศให้เป็นโทษหนัก ปรับ 5 แสน และยึดสัตว์น้ำ จึงอยากให้ยกเลิกระเบียบการลงเวลาพัก  และการลงเวลาพักมีความซับซ้อน คนควบคุมเรือหรือไต๋เรือ ไม่เข้าใจ เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ 


ขณะที่ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน  กล่าวว่า หากยกเลิกการลงเวลาพักของชาวประมง อาจกระทบกับความเชื่อมั่นของต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศต้นทางที่จะส่งแรงงานเข้ามาทำงานประมงในไทย อย่าง ประเทศเมียนมา ที่กำลังจะส่งแรงงานเข้ามาช่วยแก้ปัญหาการขาดแรงงานในภาคประมง 4.2  หมื่นคน ซึ่งทางเมียนมาให้ความสำคัญกับเรื่องเวลาพักของแรงงานเป็นอย่างมาก ซึ่งทางเมียนมายื่นข้อเรียกร้องว่าต้องให้แรงงานพักไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง หากยกเลิกการลงเวลาพัก อาจกระทบต่อการส่งแรงงานตาม MOU ของเมียนมาเข้ามาที่ไทย ดังนั้น จึงต้องรับข้อเสนอของสมาคมฯ กลับมาพิจารณา เพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจากข้อสรุปและปัญหาที่ทางสมาคมฯ สะท้อนกับกรมสวัสดิการฯ จะรับไว้พิจารณา ส่วนประเด็นปัญหาไหน สอดคล้องกับกฎหมายของหน่วยงานอื่นๆ ทางกรมสวัสดิการฯ จะเป็นตัวกลางประสาน และทำหนังสือถึงหน่วยงานนั้นๆ ทั้ง กรมเจ้าท่า กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้แก้กฎหมายเป็นไปตามที่สมาคมฯเรียกร้องเพื่อให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติจริง และจะเดินหน้าอบรมเจ้าหน้าที่ศูนย์ PIPO เพื่อให้ปฏิบัติตามหลักที่ถูกต้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-กลาง อากาศร้อนจัดบางพื้นที่

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคกลาง อากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนโดยทั่วไป โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้