นายกฯ ลงพื้นที่ติดตามการคมนาคมเชื่อมต่อ “ล้อ-ราง-เรือ”

กรุงเทพฯ 15 ส.ค.- นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ กทม. ติดตามการคมนาคมเชื่อมต่อ “ล้อ-ราง-เรือ” ปลื้มประชาชนเชียร์ให้สู้ๆ พร้อมยืนยันรัฐบาลเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดความเชื่อมโยงกัน เพื่ออนาคตที่ดีของทุกคนในประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.10 น. วันนี้ (15 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมระบบขนส่งมวลชน หรือบีทีเอส เส้นทางสีลม จากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ไปยังสถานีบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ 


โดยก่อนเดินทาง นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส มอบบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นภาพนายกรัฐมนตรีสวมชุดข้าราชการสีกากีบังคับรถไฟฟ้าเมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเปิดสถานีรถไฟฟ้าสำโรง และได้มีการเติมเงินในบัตรของนายกรัฐมนตรี จำนวน 500 บาท โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ได้นั่งรถไฟฟ้ามาเป็น 10 ปีแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคณะของนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสถานีกรุงธนบุรี มีประชาชนตะโกนให้กำลังใจ “ลุงตู่สู้ ๆ ลุงตู่นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยิ้มอย่างมีความสุข

การขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีโดยสารรถไฟฟ้าร่วมกับประชาชนทั่วไป ไม่มีการปิดกั้น ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชน และมีประชาชนทักทายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้ลุกให้ผู้โดยสารคนอื่นนั่งแทนเก้าอี้ตัวเอง รวมทั้งเดินทักทายในขบวนรถ พร้อมพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทำมาทั้งหมด ก็ทำให้กับประชาชน เพื่อให้ได้รับบริการที่สะดวกสบายและมีอนาคตที่ดี

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินมาถึงบริเวณทางเดินยกระดับ (skywalk) สถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ได้ฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการและพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง (ล้อ ราง เรือ) ของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยข้อมูลคลองเดินเรือในคลองภาษีเจริญ เส้นทางส่วนต่อขยายไปวัดกำแพงบางจาก และแผนงานการพัฒนาการเดินเรือในคลองภาษีเจริญและส่วนต่อขยายในอนาคต จาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหาร

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินตามทางเดินยกระดับ พร้อมรับฟังการบรรยายข้อมูลการเดินเรือคลองภาษีเจริญ เส้นทางส่วนต่อขยายไปวัดกำแพงบางจาก และแผนงานการพัฒนาการเดินเรือในคลองภาษีเจริญและส่วนต่อขยายในอนาคต บริเวณท่าเรือตากสิน-เพชรเกษม (บางหว้า) พร้อมลงเรือกรุงเทพธนาคม 1  หมายเลขทะเบียนเรือ 596500247 ความจุ 60 ที่นั่ง ซึ่งมีระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ถึงวัดกำแพงบางจาก 

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมน้ำในบริเวณคลองภาษีเจริญและคลองบางกอกใหญ่ว่าน้ำใสสะอาด รวมทั้งระหว่างทาง ผ่านโรงเรียนวัดนวลนรดิศ (น.ด.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นศิษย์เก่า มีนักเรียนมารอต้อนรับบริเวณริมคลองพร้อมส่งเสียงทักทาย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้โบกมือทักทาย พร้อมทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยูทักทายบรรดานักเรียนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

เมื่อเดินทางมาถึงวัดกำแพงบางจาก นายกรัฐมนตรี ได้เข้ากราบสักการะพระประธาน ภายในพระอุโบสถวัดกำแพงบางจาก พร้อมถวายเครื่องไทยธรรม ถวายพวงมาลัยไหว้พระ และสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาส ก่อนจะชมการละเล่นท้องถิ่นกระตั้วแทงเสือ และพบปะประชาชน ที่มารอต้อนรับ

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนว่า วันนี้ลงพื้นที่เพื่อติดตามปัญหาจราจรใน กทม. ซึ่งต้องดูในเขตปริมณฑลและต่างจังหวัดด้วย เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกัน เพื่ออนาคตที่ดีของทุกคนในประเทศ ซึ่งคือการเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และวันนี้มีรัฐบาล มีการเดินหน้าแผนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีการลงทุนงบประมาณมากพอสมควร รวมถึงแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ และรถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งการลงทุนสาธารณูปโภคต่าง ๆ นั้น ไม่ได้มุ่งหวังกำไร แต่เพื่อให้มีการพัฒนาเมืองใหม่ในพื้นที่ตลอดสองข้างทาง และเชื่อมทางการค้ากับต่างประเทศ รองรับการเป็นศูนย์กลางอาเซียน และการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหากฎหมายต่าง ๆ รวมถึงกฎหมายผังเมือง ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาทุก 5 ปี โดยประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐบาลจะดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเสียประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่าง ๆ 

“รัฐบาลดูแลประชาชนในทุกมิติ โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ ปัญหาที่ดินทำกิน การเพิ่มรายได้ให้ภาคการเกษตร การดูแลผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการค้าระหว่างประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนรณรงค์เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก เพราะย่อยสลายยาก ซึ่งประเทศไทยมีอัตราการใช้ถุงพลาสติกมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รวมถึงดูแลเรื่องขยะพิษ ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาขนในการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเซียล ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงให้ข้อเสนอแนะ ยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการทุกอย่างเพื่อประชาชน และพร้อมส่งต่อรัฐบาลต่อไปที่จะเข้ามาทำงาน และทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะเลือกเข้ามาสานงานต่อรัฐบาลชุดนี้

“วันนี้ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้ว ก็จะทำทุกอย่างให้เป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในอนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง