พาณิชย์มั่นใจส่งออกข้าวไทยครึ่งปีหลังสดใส

นนทบุรี 10 ส.ค. – พาณิชย์มั่นใจส่งออกข้าวครึ่งปีหลังไปได้สวย พร้อมปรับเป้าส่งออกข้าวทั้งปีใหม่ หลังผู้ส่งออกข้าวมั่นใจดันข้าวไทยได้แน่ 11 ล้านตัน


นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยตามข้อมูลใบอนุญาตส่งออกข้าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 8 สิงหาคม 2561 มีปริมาณส่งออก 6.79 ล้านตัน มูลค่า 3,425 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท  108,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีปริมาณส่งออก 6.66 ล้านตัน มูลค่า 2,871 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาท 98,995 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.82 และร้อยละ 9.85 ตามลำดับ โดยชนิดข้าวที่ไทยส่งออกมากเป็นอันดับ 1 คือ ข้าวขาว  รองลงมา ได้แก่ ข้าวนึ่ง และข้าวหอมมะลิไทย 

ทั้งนี้ ในทุกตลาดสำคัญพบว่าปริมาณการส่งออกข้าวไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย (ร้อยละ 695.70) มาเลเซีย (ร้อยละ 53.07) และฟิลิปปินส์ (ร้อยละ 25.37) รวมทั้งกลุ่มประเทศนำเข้าสำคัญในตลาดแอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้ (ร้อยละ 12.01 ) แองโกลา (ร้อยละ 7.04) เป็นต้น อย่างไรก็ดี สำหรับตลาดหลักข้าวหอมมะลิไทยพบว่ามีปริมาณการส่งออกลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อาทิ ฮ่องกง (ร้อยละ 14.64) และจีน (ร้อยละ 35.89) เนื่องจากราคาข้าวหอมมะลิไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา


สำหรับภาพรวมการส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีตามความต้องการข้าวในตลาดหลักที่มีอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดเอเชียและแอฟริกา 

อย่างไรก็ตาม ในตลาดจีนคาดว่าจะสามารถตกลงราคาส่งมอบข้าวงวดที่ 6 ปริมาณ 100,000 ตัน กับบริษัท COFCO Corporation ตามสัญญาซื้อขายข้าว G to G ปริมาณ 1 ล้านตัน ภายใต้ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรไทย – จีน นอกจากนี้ ไทยจะเร่งการเจรจาซื้อขายข้าว  1 ล้านตันที่สองภายใต้ MOU ดังกล่าว โดยวันที่ 26 สิงหาคม 2561 คณะทำงานฝ่ายไทยและจีนจะเริ่มการเจรจาและคาดว่าจะสามารถบรรลุผลสำเร็จได้ภายในปีหน้า ทำให้มีตลาดรองรับผลผลิตข้าวฤดูกาลผลิตใหม่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้รับสัญญาณข่าวดีว่าฟิลิปปินส์อาจจะเปิดประมูลนำเข้าข้าวก่อนช่วงเวลาที่กำหนดในครึ่งปีหลังปริมาณ 500,000 ตัน เพื่อเพิ่มสต็อกข้าวในประเทศ โดยจะเปิดประมูลแบบ G to G ปริมาณ 250,000 ตัน จากไทยและเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลไทยจะเข้าร่วมประมูลดังกล่าวอย่างแน่นอน และอีกปริมาณ 250,000 ตัน เป็นการเปิดประมูลแบบทั่วไปจากเอกชน 

ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 3 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจแหล่งเพาะปลูกข้าวใน 16 จังหวัด เพื่อคาดการณ์ผลผลิตข้าวปีการเพาะปลูก 2561/62 รอบที่ 1 ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร โดยมีภาคเอกชน (สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสมาคมโรงสีข้าวไทย) และภาคเกษตรกรเข้าร่วมด้วย ซึ่งปีนี้คาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวหอมมะลิไทยจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและเกษตรกรชาวนาบางพื้นที่หันมาปลูกข้าวหอมมะลิแทนข้าวเหนียวที่มีราคาลดลงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณผลผลิตข้าวหอมมะลิเพียงพอทั้งต่อการบริโภคภายในประเทศและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งราคาก็จะปรับตัวอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ดีขึ้นด้วย ดังนั้น กรมฯ และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จึงมั่นใจปริมาณส่งออกข้าวปีนี้จากเดิมคาดการณ์จะส่งออกข้าวได้ประมาณกว่า 10 ล้านตัน จะเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 11 ล้านตัน หรือมีมูลค่ากว่า 4,500 -5,000 ล้านดอลลารสหรัฐได้อย่างแน่นอน


นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 กรมการค้าต่างประเทศเตรียมแผนจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดคณะฯ เดินทางไปเยือนตลาดข้าวสำคัญในสิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย และเข้าร่วมงานแสดงสินค้า China-ASEAN Expo ครั้งที่ 15 (ก.ย.61) รวมทั้งการรับคณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกง (พ.ย.61) รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ยังจัดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวเพื่อการส่งออกเพื่อรองรับผลผลิตข้าวที่จะออกสู่ตลาดในปริมาณมากในช่วงปลายปี โดยมีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นเจ้าภาพ สำหรับแผนการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในส่วนของผลิตภัณฑ์นวัตกรรมข้าวไทย APi มีโครงการจัดการประกวดรางวัลสินค้าเกษตรนวัตกรรม (Agri Plus Award 2019) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากการประกวดรางวัล “ข้าว…ก้าวใหม่” (Rice Plus Award 2018) โดยในปี 2562 จะเป็นการประกวดรางวัลสินค้านวัตกรรมจากผลผลิตทางการเกษตรหลากหลายชนิดของไทย และจะบูรณาการร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ในการสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ผู้ประกอบการสินค้าเกษตรนวัตกรรม รวมทั้ง บูรณาการร่วมกับห้าง Modern Trade เพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาดให้กับสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทย โดยมีหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กูร์เมต์ มาร์เก็ตคาเฟ่ อเมซอน Ecotopia ณ สยามดิสคัฟเวอรี เซ็นทรัลฟู้ด รีเทล และเลมอน ฟาร์ม เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]