เชียงใหม่ 9 ส.ค.- “หม่อง ทองดี” อดีตเยาวชนแชมป์เครื่องบินกระดาษพับ เพิ่งยื่นคำร้องขอสัญชาติไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเดือน ก.ค. หลังรอคอยมานานถึง 9 ปี พร้อมแสดงความยินดีที่น้องๆทีมหมูป่าได้สัญชาติไทยแล้ว
หม่อง ทองดี บุคคลไร้สัญชาติ ที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในการเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่าได้ยื่นคำร้องขอสัญชาติไทย ที่ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางอำเภอได้รับเรื่องและส่งไปยังอธิบดีกรมการปกครอง เพื่อพิจารณาแล้ว และยังรอหนังสือรับรองจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งเป็นหน่วยงานต้นเรื่องที่ส่งตนเข้าร่วมการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับ รวมทั้งหนังสือรับรองจากหน่วยราชการที่ตนเคยช่วยงาน เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา ในฐานะที่ได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ คาดว่าอีกไม่นานจะทราบผล และหวังว่าตนจะได้รับสัญชาติไทย หลังจากรอมานานถึง9ปี
หม่อง ทองดี บอกว่าที่ผ่านมาไม่ได้ดำเนินการยื่นขอสัญชาติไทย เพราะหลังการแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งขณะนั้นอายุ 12 ปี มีผู้หลักผู้ใหญ่รับปากว่าจะขอสัญชาติให้ แต่เมื่อเวลาผ่านมาไป จนตอนนี้เปลี่ยนสถานะจากเด็กชายเป็นนาย อายุ 21 ปีแล้ว ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงรวบรวมเอกสารยื่นขอสัญชาติเอง โดยมีนักกฎหมายและวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนเป็นที่ปรึกษาคอยช่วยเหลือ ส่วนที่น้องทีมหมูป่ารับสัญชาติไทย รู้สึกดีใจและแสดงความยินดีด้วย และไม่คิดเปรียบเทียบกับกรณีของตัวเอง เพราะเข้าใจว่าหลักเกณฑ์การยื่นขอสัญชาติต่างกัน
สำหรับหม่อง ทองดี เป็นเด็กไร้สัญชาติ ที่พ่อแม่เป็นแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในภาคเกษตรที่อำเภอไชยปราการ ติดชายแดนไทย-เมียนมา จากนั้นครอบครัวได้เดินทางมาทำงานก่อสร้างในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเด็กชายหม่อง ในขณะนั้นเข้าเรียนที่โรงเรียนห้วยทราย ตำบลสุเทพ และมีความสามารถพิเศษด้านการร่อนเครื่องบินกระดาษพับ จนเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับที่ญี่ปุ่น ขณะอายุเพียง 12 ปี รัฐบาลขณะนั้นรับปากว่าจะให้สัญชาติไทยแก่เด็กชายหม่อง และให้ทุนเรียนจนจบปริญญาเอก แต่ผ่านไป 9 ปี นายหม่อง ทองดี ยังไม่ได้รับสัญชาติแต่อย่างใด ปัจจุบันหม่อง เรียน กศน ชั้นมัธยมปลาย รับงานบินโดรนถ่ายภาพ พร้อมกับเป็นวิทยากรฝึกสอนเครื่องบินกระดาษให้กับน้องๆในโรงเรียนต่างๆ เจ้าตัวบอกว่าหากสัญชาติไทยแล้วก็จะเรียนต่อและจะยังคงทำงานในแวดวงเครื่องบินกระดาษ และอากาศยานไร้คนขับ.-สำนักข่าวไทย