fbpx

ครอบครัวยัน “ปลาย-ฟอส” ไม่ใช่คู่รัก

กาฬสินธุ์ 31 ก.ค.-ครอบครัวของ “ปลาย-ฟอส” ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตหน้าเขาชีจรรย์ ยืนยันทั้ง 2 คนไม่ใช่คู่รักกัน เพราะฝ่ายชายมีจิตใจเป็นหญิง และพบว่า “เสี่ยอ้วน” หนึ่งในผู้ต้องหา เคยทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงหลายครั้งจนต้องหลบหนี

บรรยากาศที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุ 20 ปี และ น.ส.ปวีณา หรือปลาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเข้าชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เสียชีวิตทั้งคู่ ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้านของแต่ละคน หลังรับศพเมื่อคืนที่ผ่านมา


นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของ น.ส.ปวีณา หรือปลาย บอกว่า ปลายและฟอสเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เรียนมาด้วยกัน น้องปลายลาออกจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี หลังเรียนไปได้ 1 เทอม เพราะต้องการทำงานหาเงินมาช่วยครอบครัว ด้วยการไปทำงานตามสถานบันเทิง เคยไปทำงานที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อปี 2559 ส่งเงินกลับบ้านเดือนละ 20,000-30,000 บาท ซึ่งปลายเล่าว่ามีเสี่ยอ้วนมาติดพัน ช่วงปลายปี 2559 ลูกสาวโทรมาเล่าให้ฟังตลอดว่าทุกครั้งที่เสี่ยอ้วนเห็นลูกสาวไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนก็จะไม่พอใจและทำร้ายร่างกาย เแม้จะย้ายที่ทำงานแต่เสี่ยอ้วนก็ยังคงติดตามหา ซึ่งลูกสาวไม่ชอบ เพราะเป็นผู้มีอิทธิพล จึงพยายามตีตัวออกห่าง และขอให้ตำรวจจับคนร้ายมาให้ได้

ขณะที่บ้านของนายอนันตชัย หรือฟอส ครอบครัวยังอยู่ในอาการเศร้าโศก นางจอมศรี ชมพูพื้น อายุ 43 ปี แม่ของฟอส กล่าวว่า ต้องการให้จับตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และยืนยันว่าทั้ง 2 คนไม่ใช่คู่รักกันแน่นอน เป็นเพื่อนสนิท เป็นญาติด้วยซ้ำไป เพราะพ่อของตนกับพ่อของน้องปลายเป็นพี่น้องกัน ซึ่งทั้งคู่ก็เติบโตมาด้วยกัน อีกทั้งลูกชายจะมีนิสัยเป็นผู้หญิง และชอบแต่งหญิง เมื่อมีงานรำก็จะแต่งหญิงออกไปรำ เพราะอะไรที่ทำแล้วได้เงินลูกชายก็จะทำ เพราะเขารักแม่


ขณะที่มีรายงานว่าศพของนายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ มีกำหนดจะฌาปนกิจในวันที่ 1 สิงหาคม ส่วนศพของ น.ส.ปวีณา หรือปลาย นาเมืองรักษ์ จะฌาปนกิจในวันที่ 2 สิงหาคม ที่วัดบ้านนาตาล ตำบลนาตาล อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย