กระทรวงกลาโหม 21 ก.ย. – ปลัดกระทรวงกลาโหมทำพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่าการกลาโหม พร้อมย้ำบุตรชายทำสัญญารับเหมาก่อสร้างกับกองทัพภาคที่ 3 เป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 07.29 น. พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่าการกลาโหม โดยในพิธีได้มีการผูกผ้าสามสีและคล้องพวงมาลัยปืนใหญ่โบราณจำนวน 40 กระบอก โดยมีรองปลัดกระทรวงกลาโหม หัวหน้าหน่วยขึ้นตรง สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ข้าราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมในพิธีดังกล่าว
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีบวงสรวง พล.อ.ปรีชา กล่าวถึงกรณีนายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชาย ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างกับกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 2 โครงการว่า ได้ทำตามระเบียบราชการ มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องฝายชะลอน้ำที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่มีชื่อภริยาตนนั้น สำนักปลัดกระทรวงกลาโหมมีหน่วยขึ้นตรง และแม้สมาคมภริยาข้าราชการสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมจะไม่ได้เป็นหน่วยขึ้นตรง แต่ก็ทำงานร่วมกัน
“เมื่อมีภารกิจที่เป็นสาธารณประโยชน์ ซึ่งในพื้นที่ก็ร้องขอมา จึงให้ศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือไปดูแล ทางสมาคมภริยาฯ สนับสนุนงบประมาณให้ซื้อหิน 7,800 บาท ซึ่งประชาชนก็ได้ช่วยกันหาไม้ไผ่มาแล้วดำเนินการสร้าง ส่วนชื่อฝายนั้นประชาชน 15 หมู่บ้านขอไปตั้งกันเอง และขอบคุณทั้งทหารและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่มีอะไร และก็ยังเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ของศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือที่อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบ” พล.อ.ปรีชา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กับกองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ โดยมีผู้แทนจากกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ ณ ห้องพินิตประชานาถ ในศาลาว่าการกลาโหม
สำหรับการจัดทำบันทึกข้อตกลงการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เป็นการดำเนินการตามเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาลที่จะให้ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม ช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ที่กระทรวงกลาโหมผลิตขึ้น เพื่อตอบสนองนโยบายการพึ่งพาตนเอง ลดการนำเข้ายุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ ทั้งยังช่วยให้เกิดความคุ้มค่าต่อการดำเนินงานของโรงงานในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมอีกด้วย ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศมีความเจริญก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน และเป็นหลักประกันความมั่นคงของประเทศต่อไป.-สำนักข่าวไทย