กรุงเทพฯ 26 ก.ค.- “เจษฎ์”เตือนเดินหน้าเลือกประธาน กกต. ส่อผิดกฎหมาย กกต.เหตุยังไม่ครบ 7 คน วอนผู้เกี่ยวข้องพิจารณาให้รอบครอบก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ หวั่นเกิดปัญหาภายหลัง ขณะที่ เลขาฯ วิป.สนช.ยืนยันทำได้
นายเจษฎ์ โทณะวณิก ที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่ว่าที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 5 คน เตรียมประชุม เพื่อเลือกประธาน กกต. ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ว่า ต้องระมัดระวังเพราะอาจขัดเจตนารมย์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 12 ที่ระบุว่า เมื่อมีผู้ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว หากเป็นกรณีที่ประธานกรรมการพ้นจากตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับความเห็นชอบ ประชุมร่วมกับกรรมการ ซึ่งยังไม่พ้นจากตำแหน่งเลือกกันเอง ให้คนหนึ่งเป็นประธานกรรมการ แล้วแจ้งผลให้ประธานวุฒิสภาทราบ
นายเจษฎ์ กล่าวว่า แสดงให้เห็นว่าการจะเลือกประธานในครั้งแรกต้องได้ กกต.ครบทั้ง 7 คนก่อน เพราะประธานจะทำหน้าที่จนครบวาระ หากมีการเลือกไปก่อน กกต.ที่จะเข้ามาใหม่ก็จะไม่มีโอกาสได้เลือก ทั้งที่การทำงานของประธาน กกต. จะผูกพัน กกต.ทั้งหมดด้วย และ กกต.อีก 2 คนที่ยังไม่มีการสรรหา ถ้ามีการสรรหา และได้รับการเลือกเป็น กกกต. ก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกและได้รับเลือกเป็นประธาน กกต. แต่ถ้าได้ 5 คน แล้วเลือกประธาน กกต.ไปก่อน อีก 2 คน จะเสียโอกาส รวมทั้งในการทำงานก็อาจมีปัญหาในอนาคต เพราะ กกต. อีก 2 คนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกประธาน แต่ต้องยอมรับการทำงานของประธานที่ตัวเองไม่ได้เลือก
ที่ปรึกษา กรธ. กล่าวว่า ดังนั้นผู้ที่จะต้องนำรายชื่อว่าที่ กกต. รวมถึงประธานขึ้นทูลเกล้าฯ ต้องระวัดระวังและพิจารณาอย่างรอบครอบ เพราะหากดำเนินการผิดกฎหมาย ก็จะส่งผลกระทบที่แก้ไขยาก และไม่ควรนำเรื่องที่ยังมีปัญหาในข้อกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ อย่างไรก็ตามในส่วนของว่าที่ กกต. 5 คน สามารถที่จะทำงานได้ แม้จะยังไม่ได้ครบ 7 คนก็ตาม แต่ยังไม่ควรเลือกประธาน กกต.ในตอนนี้
ส่วนที่มีการตีความว่าสามารถเลือกได้ แม้จะได้ว่าที่ กกต.เพียง 5 คน โดยอ้างถึงกฎหมายมาตราเดียวกันในวรรคท้าย ว่าในกรณีผู้ซึ่งวุฒิสภาให้ความเห็นชอบยังได้ไม่ครบจำนวนที่ต้องสรรหาหรือคัดเลือก แต่เมื่อรวมกับกรรมการซึ่งยังดำรงตำแหน่งอยู่ ถ้ามีจำนวนถึง 5 คน ก็ให้ดำเนินการประชุมเพื่อเลือกประธานกรรมการได้นั้น นายเจษฎ์ กล่าวว่า เป็นการเลือกประธานหลังจากที่เกิดปัญหาผู้ดำรงตำแหน่งประธานลาออก ไม่ใช่การเลือกประธานในครั้งแรก
ด้านนายสมชาย แสวงการ เลขาวิป สนช. กล่าวว่า มีผู้สอบถามประเด็นนี้เข้ามาแต่ได้สอบถามกับทางเลขาธิการวุฒิสภาและผู้เกี่ยวข้อง ก็ยังยืนยันว่า กรณีดังกล่าวสามารถเลือกประธาน กกต.ได้ เพราะผู้ที่ได้รับการคัดเลือกถือว่าเป็น กกต. แล้ว เพียงแต่รอการทูลเกล้าฯ จึงสามารถเลือกประธานได้ แต่ถ้ามีผู้เห็นต่างว่าทำไม่ได้ ก็เกิดคำถามตามมาว่าจะทูลเกล้าฯเฉพาะตำแหน่ง กกต.อย่างเดียวได้หรือไม่ อีกทั้งเมื่อ สนช.เลือกได้ 5 คน ก็อยากให้กระบวนการทั้งหมดเดินหน้าได้ ไม่เช่นนั้นก็จะมีข้อครหาอีกว่า มีการสมคบคิดเพื่อไม่ให้ได้ กกต.ชุดใหม่ ทั้งนี้ยืนยันว่ากระบวนการพิจารณาทั้งหมดจะเป็นไปอย่างรอบครอบเพื่อไม่ได้ระคายเคืองเบื้องพระยุคคลบาท .-สำนักข่าวไทย