ระนอง 23 ก.ย. – ท่าเรือระนองเปิดโครงการ Multimodal Transport เที่ยวปฐมฤกษ์ขยายเครือข่ายขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ เชื่อม 5 เส้นทาง สปป.จีน–ลาว–ไทย–เมียนมา–กลุ่ม BIMSTEC พร้อมเปิดการขนส่งเที่ยวปฐมฤกษ์ไปยังท่าเรือย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา
การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้เปิดพื้นที่ท่าเรือระนอง จัดพิธีเปิดโครงการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) เส้นทาง สปป.จีน–ลาว–ไทย–เมียนมา–กลุ่ม BIMSTEC พร้อมเปิดการขนส่งเที่ยวปฐมฤกษ์ไปยังท่าเรือย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา นับเป็นอีกก้าวสำคัญของท่าเรือระนองในการยกระดับบทบาทสู่ศูนย์กลางการค้าทางทะเลฝั่งอันดามันของไทยและเชื่อมโยงเครือข่ายเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม ณ ท่าเรือระนอง จ.ระนอง
พิธีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์เส้นทางการขนส่งสินค้าใหม่ในรูปแบบ Multimodal Transport ที่เชื่อมโยงการขนส่งหลายรูปแบบทั้งทางรถบรรทุก ทางรถไฟ และทางเรือเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ โดยมีท่าเรือระนองเป็นจุดเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ ที่สามารถขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า ผู้ประกอบการ ผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและสายการเดินเรือ


นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า “ท่าเรือระนองถือเป็นท่าเรือของภาครัฐเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลอันดามัน และเป็นเสมือนประตูการค้าของไทยที่เปิดสู่ภูมิภาค BIMSTEC ได้โดยตรงการเปิดเส้นทาง Multimodal Transport ครั้งนี้นอกจากจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจแล้ว ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของ กทท. ที่จะพัฒนาท่าเรือระนองให้เป็นศูนย์กลางการค้าและการขนส่งที่ทันสมัย โปร่งใส และยั่งยืน พร้อมเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยกับภูมิภาคและโลก”
สำหรับการขนส่งสินค้าจากท่าเรือระนองไปยังประเทศต่าง ๆ จะใช้เวลาเดินทางเพียง 3 วันถึงท่าเรือย่างกุ้ง เมียนมา, 4 วันถึงท่าเรือจิตตะกอง ประเทศบังคลาเทศ, 6 วันถึงท่าเรือเจนไน ประเทศอินเดีย และท่าเรือโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา จากเดิมที่ต้องใช้เวลาประมาณ 14 – 21 วัน กว่าจะสินค้าส่งถึงท่าเรือเหล่านี้ ทั้งหมดนี้แสดงถึงศักยภาพในการลดระยะเวลาและต้นทุนการขนส่งได้อย่างชัดเจน ซึ่งสามารถสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ
ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวต่อว่า การดำเนินโครงการนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากบริษัท ไทยทรานสปอร์ต เซ็นเตอร์ จำกัด ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท Ever Flow River Group Public Co., Ltd. จากเมียนมา บริษัท เอสพีที สมาร์ท ครีเอชั่น จำกัด โดยมีเป้าหมายพัฒนาระบบการขนส่งที่ทันสมัยและเชื่อมต่อได้หลายรูปแบบอย่างไร้รอยต่อ โดยมีท่าเรือระนองเป็นท่าเรือหลักในการกระจายสินค้าไปยังประเทศในภูมิภาค BIMSTEC (บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมา เนปาล ศรีลังกา และไทย) ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและกำลังซื้อเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้มีการจัดทำปฏิญญาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการร่วมกันมาแล้ว
โครงการ Multimodal Transport เที่ยวปฐมฤกษ์ที่เริ่มต้นจากท่าเรือระนองครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญในภูมิภาคอันดามันและ BIMSTEC มุ่งสู่เป้าหมายในการสร้างระบบขนส่งที่รวดเร็ว ทันสมัย และคุ้มค่า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ขยายโอกาสสู่ตลาดใหม่ ตอบโจทย์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงและเสริมศักยภาพให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว.-513-สำนักข่าวไทย