ระดมร้านค้าใช้แอพฯ บริการผู้ถือบัตรสวัสดิการ

พาณิชย์ 25 ก.ค. – พาณิชย์เผยร้านค้ารายย่อยสมัครใช้แอพฯ รับชำระเงินจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเกือบ  2 หมื่นราย เตรียมส่งพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ชักชวนร้านค้าให้เข้าร่วมโครงการ ตั้งเป้า 1 แสนราย นายกฯ เตรียมคิกออฟเปิดตัว 1 ส.ค.นี้


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการรับสมัครร้านค้าเข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐแบบใช้โทรศัพท์มือถือรับชำระเงินจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ขณะนี้มีร้านค้ารายย่อย ร้านโชวห่วย ร้านหนูณิชย์ ร้านอาหารปรุงสำเร็จ ร้านค้าในตลาดสด ตลาดต้องชม ตลาดกลางสินค้าเกษตร ร้านขายผลิตภัณฑ์ชุมชน รถยนต์เร่ขายสินค้า สมัครเข้าร่วมโครงการเกือบ 20,000 ราย โดยกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบรายละเอียดด้านเอกสาร คุณสมบัติของผู้สมัคร และได้จัดส่งรายชื่อให้กับกรมบัญชีกลางประมาณ 16,500 ราย เพื่ออนุมัติการเข้าร่วมโครงการ ส่วนที่เหลือกำลังตรวจสอบความครบถ้วน และหากตรวจสอบเสร็จจะส่งให้กรมบัญชีกลางอนุมัติต่อไป โดยในช่วง 10 เดือนมียอดใช้จ่ายโครงการธงฟ้าประชารัฐผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 40,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งรัดให้พาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศเร่งประชาสัมพันธ์ และอำนวยความสะดวกร้านค้าในการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อช่วยเหลือร้านค้ารายย่อยให้ได้รับการดูแลจากรัฐบาลและมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับร้านค้า เพราะแต่ละเดือนจะมีวงเงินที่รัฐบาลใส่เข้าไปในบัตรกว่า 4,000 ล้านบาท เมื่อผู้ถือบัตรนำไปใช้จ่ายจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากได้ โดยตั้งเป้าร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 100,000 ราย 


ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ กำหนดรหัส 6 หลัก เพื่อใช้คู่กับบัตรในการชำระเงินค่าสินค้า เพราะผู้ถือบัตรจะสามารถใช้บัตรซื้อสินค้าได้หลากหลายขึ้น จากเดิมต้องนำไปใช้รูดผ่านเครื่อง EDC ในร้านค้าธงฟ้าประชาชน แต่ต่อไปจะสามารถจ่ายค่าสินค้าให้กับร้านค้าที่สมัครใช้มือถือรับชำระเงินได้ด้วย โดยผู้ถือบัตรสามารถขอรหัส 6 หลักได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย หรือตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเมื่อเสียบบัตรแล้ว ระบบจะบังคับให้ใส่เลขบัตรประชาชน 6 หลักสุดท้าย และจากนั้นให้ผู้ถือบัตรกำหนดเลขรหัส  6 หลักใหม่ เพื่อใช้คู่กับบัตรในการชำระค่าสินค้า

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า โครงการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ เพราะมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ทั้งผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในการลดค่าครองชีพ ช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อยให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมทั้งช่วยให้ผู้ผลิตสินค้าชุมชนมีช่องทางการจำหน่ายผลผลิตมากขึ้นด้วย โดยวันที่ 1 สิงหาคม 2561 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธาน            

ทั้งนี้ ได้เปิดตัวโครงการมอบนโยบาย และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “โครงการประชารัฐสวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ฐานราก” เพื่อชี้แจงนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และยังจะใช้โอกาสนี้เข้าเยี่ยมชมร้านค้าธงฟ้าประชารัฐต้นแบบ การออกร้านของแผงค้าในตลาดสด ผักผลไม้ ผู้ผลิตสินค้าชุมชนที่โดดเด่นของแต่ละจังหวัด ร้านอาหาร และร้านค้าในตลาดต้องชม ทั้งนี้ ภายในงานจะมีการจัดเสวนาเรื่องการใช้โปรแกรมประยุกต์ Mobile Application ถุงเงินประชารัฐ กับร้านธงฟ้าประชารัฐด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นักธุรกิจสาวแจ้งความทนายดัง “ฉ้อโกง” ฮุบเงิน 71 ล้าน

นักธุรกิจสาว อดีตลูกความทนายดัง แจ้งความถูกทนายดังฉ้อโกง ฮุบเงิน 71 ล้านบาท เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม “หวยออนไลน์”

สาวแจ้งความภรรยาอดีตบิ๊กตำรวจ ย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ

หญิงสาวแจ้งความภรรยาอดีตตำรวจยศนายพล แอบกิ๊กสามี แถมย่องลักทรัพย์ในคอนโดฯ มูลค่าหลายล้านบาท ด้านตำรวจเรียกผู้เสียหายสอบเพิ่ม พร้อมเก็บภาพวงจรปิดตรวจสอบแล้ว

“ทนายบอสพอล” มองยึดมือถือ พนง.ดิไอคอน เกินเส้นกฎหมาย

“ทนายบอสพอล” พาพนักงานดิไอคอน ลงบันทึกประจำวัน หลังตำรวจบุกค้น 11 จุด และยึดมือถือ มองว่าทำเกินกว่ากฎหมาย พร้อมฝากถึงศาลยุติธรรมในการออกหมายจับรอบ 2 เป็นห่วงสิทธิของทุกฝ่าย

ข่าวแนะนำ

ครบ 20 ปี เหตุจลาจลคดีตากใบ จำเลยยังล่องหน

วันนี้ครบรอบ 20 ปี เหตุจลาจลหน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส และยังเป็นวันที่คดีหมดอายุความ ในขณะที่การติดตามจับกุมตัวจำเลยยังไร้วี่แวว พาไปย้อนรอยเหตุการณ์และมุมมองของนักวิชาการต่อคดีนี้

รวบ “นัตตี้ ไดอารี่” ยูทูบเบอร์หลอกเทรดหุ้นฟอเร็กซ์

ตำรวจร่วมกับดีเอสไอ แถลงรับตัว “นัตตี้ ไดอารี่” กับแม่ ผู้ต้องหาหลอกเทรดหุ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท หลังหลบหนีไปอินโดนีเซีย และถูกตำรวจอินโดฯ จับกุม จากนี้ส่งตัวให้ดีเอสไอดำเนินคดีต่อ