เสนอ สปสช.ปลดล็อกเพดานจำนวนการรักษาผู้ป่วยปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต

สมาคมโลหิตวิทยานานาชาติ 22 ก.ค.อดีตนายกสมาคมโลหิตวิทยานานาชาติ ชี้ ผู้ป่วยบัตรทองได้รับสิทธิประโยชน์รักษามะเร็งทางโลหิตวิทยาหลายรายการดีมาก เสนอปลดล็อกเพดานจำนวนผู้เข้าสู่การรักษารายปี


ศ.พญ.แสงสุรีย์ จูฑา อดีตนายกสมาคมโลหิตวิทยานานาชาติ อดีตนายกสมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการผลักดันสิทธิประโยชน์การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า  ตนในฐานะเป็นผู้ก่อตั้งโครงการปลูกถ่ายไขกระดูกที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมเพื่อกำหนดเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ตั้งแต่ต้น เห็นว่าในอดีตการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตยังไม่ได้รับการบรรจุลงในชุดสิทธิประโยชน์ผู้ป่วยบัตรทอง โดยในช่วงแรกนั้น สปสช.ได้จำกัดจำนวนการรักษาอยู่ที่ประมาณ 20-30 รายเท่านั้น  จนกระทั่ง สปสช.ได้ผลักดันมาเป็นชุดสิทธิประโยชน์ แต่ก็ยังมีการจำกัดเพดานจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอยู่เช่นเดิมเช่น ให้ได้ 60-70 รายต่อปี  ส่วนตัวคิดว่าถ้าได้รับบรรจุเป็นชุดสิทธิประโยชน์แล้ว ก็ไม่ควรจำกัดจำนวนการรักษา แต่ก็เข้าใจว่าการรักษาใช้งบประมาณสูง เฉลี่ยแล้วประมาณรายละ 8 แสนบาท จึงจำเป็นต้องมีการจำกัดอยู่ จึงหวังว่าในอนาคต สปสช.จะให้กับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นได้โดยไม่มีการจำกัดจำนวนคน

 อดีตนายกสมาคมโลหิตวิทยานานาชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ของผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งเม็ดเลือดขาวว่า ปัจจุบันผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและมะเร็งเม็ดเลือดขาวเข้าถึงการรักษามากขึ้นกว่าในอดีต แต่ก็ยังมีประเด็นเรื่องของความครอบคลุมอยู่ ยกตัวอย่างเช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท และแต่ละประเภทก็จะแบ่งออกเป็นหลายชนิด โดยมีอยู่หลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับ B-cell ซึ่งปัจจุบันมียาที่จะเข้าไปทำลาย B-cell โดยตรงแล้ว และ สปสช.กับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ก็ได้อนุมัติให้ผู้ป่วยใช้ยาชนิดดังกล่าวได้แล้ว แต่ประเด็นก็คือใช้ได้เฉพาะกับชนิดเดียวเท่านั้น ซึ่งมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดอื่นๆ อีกหลายชนิดก็มี B-cell อยู่ด้วยเช่นกัน แต่การให้ยากลับยังไม่ครอบคลุมมะเร็งเหล่านั้น


“ในโรคมะเร็งทางโลหิตวิทยานั้น พบว่าสิทธิประโยชน์ในหลายโรคของ สปสช.ดีเยี่ยม  ยกตัวอย่างคนไข้มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังแบบมัยอีลอยด์ (Chronic Myeloid Leukemia) ซึ่งในอดีตการปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คนไข้หายขาดได้ แต่นับจากปี 2544-2545 เป็นต้นมา พบว่ามียาที่ใช้ได้ดีมาก จากเดิมที่คนไข้จะอยู่ได้ราวๆ 7-8 ปี หากได้รับยาตัวนี้จะอยู่ได้ถึง 30 ปี  แต่ยาในกลุ่มนี้ค่อนข้างมีราคาแพง ซึ่งตนได้ผลักดันจนมีโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติ (GIPAP) ขึ้น และทำให้ผู้ป่วยบัตรทองได้รับยานี้ทั้ง 400 มิลลิกรัม 600 มิลลิกรัม และ 800 มิลลิกรัม ตามระดับความรุนแรงของโรค ศ.พญ.แสงสุรีย์ กล่าว           

ศ.พญ.แสงสุรีย์ ยังกล่าวขอบคุณ สปสช.ที่ทำให้ผู้ป่วยซึ่งปกติแล้วเข้าไม่ถึงวิธีการรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตเนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่ผู้ป่วยจะแบกรับไหว ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะทำให้ผู้ป่วยในประเทศไทยที่อยู่ในระบบบัตรทองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงอยากขอขอบคุณ สปสช.แทนผู้ป่วยทุกรายได้ที่รับผลประโยชน์นี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

“เด็ก-เยาวชน” ส่ง ส.ค.ส.อวยพร “ปีใหม่-วันเด็ก” ให้นายกฯ

“เด็ก-เยาวชน” ส่ง ส.ค.ส.อวยพรปีใหม่ 2568 – วันเด็ก ให้ “นายกฯ พี่อิ๊งค์” มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง อยู่คู่ตึกไทยคู่ฟ้า บริหารประเทศไปนานๆ พร้อมฝากความคิดถึง “อดีตนายกฯ ทักษิณ”

16 บอสดิไอคอน แถลงปฏิเสธทุกข้อหา ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน 10 ก.พ.

16 บอส ดิไอคอนกรุ๊ป แถลงปฏิเสธทุกข้อหา ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน 10 ก.พ.นี้ ขณะที่ “ทนายวิฑูรย์” เผย “บอสพอล-บอสกันต์” ดีใจ หลัง “แซม-มิน” ได้ปล่อยตัว ส่วนท่าทีทั้งคู่ดูสบายๆ ปกติ ล่าสุดมีรายงาน “บอสวิน” ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว อยู่ระหว่างรอผล

ภรรยา “ลิม กิมยา” ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

ภรรยา “ลิม กิมยา” ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน รวมถึงดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารและการติดต่อรับศพนายลิม ที่แผนกนิติเวช รพ.วชิรพยาบาล