กลุ่มดุสิตธานี พ้นวิกฤต จ่อ “ปลดล็อคมูลค่า” เตรียมเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุน

กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.- กลุ่มดุสิตธานี เผยความสำเร็จแผน 9 ปี หลังเข้าสู่ช่วงปลายแผนระยะที่ 3 ช่วง Unlock Value พร้อมเก็บเกี่ยวการเติบโตจากการลงทุนและการขยายธุรกิจ เตรียมรับรู้รายได้โครงการที่พักอาศัย Dusit Residences และ Dusit Parkside ที่ขายไปแล้วประมาณ 90% ของโครงการทั้งหมด (ประมาณการมูลค่ารายได้ 16,000 ล้านบาท เมื่อมีการโอน) ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ขณะที่ธุรกิจโรงแรมนำโดยโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เรือธงที่สำคัญ จะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้เป็นปีแรก ยอมรับภาวะเศรษฐกิจ-นักท่องเที่ยวลดกดดันรายได้ล่าสุดปรับเป้าปี 68 เหลือโต 20-25% จาก


นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มดุสิตธานีวางแผนกลยุทธ์ 9 ปี (2559-2568) โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงเวลาละ 3 ปี ได้แก่ ช่วงที่ 1 ช่วงสร้างฐาน (2559-2561) ช่วงที่ 2 ช่วงขยายการเติบโต Take Off (2562-2565) และช่วงที่ 3 ช่วงเก็บเกี่ยวการเติบโต Unlock Value (2566-2568) ขณะนี้กลุ่มดุสิตธานีได้เดินหน้ามาถึงช่วงปลายของระยะที่ 3 แล้ว โดยช่วงที่ 3 ช่วง Unlock Value (2566-2568) นับว่าเป็นช่วงเก็บเกี่ยวการเติบโต จากการที่กลุ่มดุสิตธานีลงทุนไปก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการขยายโรงแรม จาก 27 แห่งใน 8 ประเทศ ปัจจุบัน ณ ไตรมาสแรกปี 2568 กลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและวิลล่าภายใต้การบริหารจัดการรวม 294 แห่ง จำนวนห้องพักรวม 12,909 ห้อง ใน 18 ประเทศ เป็นโรงแรม 55 แห่งและวิลล่าหรู 239 แห่ง และในปี 2568 จะรับรู้รายได้จากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เต็มปี หลังจากเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567

นอกจากนี้ กลุ่มดุสิตธานียังขยายการลงทุนในธุรกิจอาหาร ผ่านบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งปัจจุบัน มีการลงทุนใน บริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด ผู้นำธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ให้บริการกับโรงเรียนนานาชาติในไทย บริษัท เดอะ เคเทอเรอร์ส จอยท์ สต็อก จำกัด (The Caterers Joint Stock) หรือ เดอะ เคเทอเรอร์ส (The Caterers) ผู้ให้บริการด้านการจัดเลี้ยงสำหรับโรงเรียน และงานเลี้ยงรับรองนอกสถานที่ในประเทศเวียดนาม บริษัท บองชู เบเกอรี่ เอเชีย จำกัด เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่ “บองชู” (BONJOUR) มีสาขารวมทั้งสิ้น 99 แห่ง ครอบคลุมในประเทศไทย จีน และเวียดนาม และมีโรงงานผลิตเบเกอรี่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง และขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมตัวสำหรับการนำธุรกิจอาหารเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์


ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 74.8% โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย  (EBITDA) 1,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.4% (YoY) แต่เนื่องจากบริษัทฯ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายเพื่อรองรับสภาพคล่องทางการเงินในช่วงโควิด-19 และดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ประมาณ 281 ล้านบาท รวมถึงดอกเบี้ยของหนี้สินจากสัญญาเช่าตามมาตรฐานการรายงานการเงินฉบับที่ 16 (TFRS 16) ประมาณ 297 ล้านบาท รวมเป็นต้นทุนทางการเงินประมาณ 578 ล้านบาท จึงทำให้มีตัวเลขขาดทุนสุทธิในปี 2567 อยู่ที่ 237 ล้านบาท

ภาระดอกเบี้ยจ่ายนี้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการโอนโครงการที่พักอาศัยเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ต่อเนื่องถึงปี 2569 และช่วงเวลานั้น จะเป็นช่วงที่กลุ่มดุสิตธานีจะกลับมามีกำไรสุทธิอีกครั้ง สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของแผนกลยุทธ์ 9 ปี มั่นใจว่ากลุ่มดุสิตธานีจะสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจโรงแรมที่สถานการณ์การเดินทางกลับเข้าสู่ภาวะปกติและมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายโรงแรมไปยังจุดหมายปลายทางสำคัญทั่วโลกของกลุ่มดุสิตธานี ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ ขณะเดียวกัน การขยายเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผ่านโครงการที่พักอาศัย ได้แก่ โครงการ Dusit Residences และ Dusit Parkside ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ปัจจุบันมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 90% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยมีแผนจะเริ่มทยอยโอนในช่วงปลายปี 2568 และจะมีการโอนอย่างมีนัยสำคัญในปี 2569 จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ช่วง Unlock Value ของกลุ่มดุสิตธานีเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากรายได้ที่รอการรับรู้ดังกล่าว

“อย่างไรก็ดี จากภาวะเศรษฐกิจ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสถานการณ์ทางด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยในปัจจุบัน บริษัทได้ปรับประมาณการณ์การเติบโตโดยรวมของกลุ่มดุสิตธานีในปี 2568 ที่ประมาณ 20-25% จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต 30-35% (ไม่รวมรายได้จากการส่งมอบงานโครงสร้างพื้นที่อาคารค้าปลีกของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค – “Bare Shell”) ซึ่งบริษัทได้ปรับตัวรับมือปัจจัยความท้าทายดังกล่าว โดยการทำการตลาดแบบพุ่งเป้า เช่น กลุ่มลูกค้าสุขภาพ โดยเฉพาะจากตะวันออกกลางซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ กำลังจ่ายสูง ก็ต้องหาเอเจนซี่แบบพุงเป้า และได้นำ AI มาช่วยจัดแคมเปญ โปรโมชั่นต่างๆ” นางศุภจีกล่าว


นอกจากนี้ยังเสนอภาครัฐสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวโดยบูรณาการทุกกระทรวง และต้องเจาะจงทุกเรื่องอย่างรอบด้าน ไม่เฉพาะภาคท่องเที่ยวเท่านั้น เพราะสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการอันดับต้นๆ คือความปลอดภัย และอยากให้รัฐให้สิทธิประโยชน์กับภาคธุรกิจที่ทำเรื่องกรีน (Green) ส่วนประเด็นเกี่ยวกับหุ้น DUSIT และงบการเงินภายหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 มีมติไม่อนุมัติงบการเงินประจำปี 2567 และยังไม่ได้ประชุมในวาระการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี ประจำปี 2568 จนอาจนำไปสู่ปัญหาการนำส่งงบการเงินไตรมาส 1 ประจำปี 2568 ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 นั้น คณะกรรมการและคณะผู้บริหารของบริษัทฯ ก็ได้พยายามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ โดยได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายครั้ง จนกระทั่งสามารถนำส่งงบการเงินไตรมาส 1/2568 ที่ผ่านการสอบทานแล้วได้ทันตามกำหนดเวลา ทำให้หุ้น DUSIT ไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP หยุดการซื้อขาย และต่อมาในการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นก็ได้อนุมัติการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของปี 2568 เป็นที่เรียบร้อย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดุสิตธานี ยืนยัน การจัดทำและอนุมัติงบการเงินของดุสิตธานี มีความถูกต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ผู้สอบบัญชีจึงลงนามรับรองอย่างไม่มีเงื่อนไข และการนำส่งงบการเงินได้ทันตามกำหนดเวลา อีกทั้งสามารถแต่งตั้งผู้สอบบัญชีปี 2568 ได้ ส่งผลให้บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศยกเลิก “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ที่ให้ไว้แก่อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของบริษัทฯ พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ ไว้ที่ระดับ “BBB-” รวมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน (DUSIT22PA) ของบริษัทฯ ไว้ที่ระดับ “BB” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”

“ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา กลุ่มดุสิตธานีผ่านความท้าทายหลากหลายรูปแบบ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน เราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราสามารถที่จะผ่านมาได้เสมอ ด้วยความมุ่งมั่นในหน้าที่และเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ โดยเราจะยังคงเดินหน้าตามแผนต่อไปด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน และเรายังเชื่อมั่นในเจตนารมย์ของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ท่านผู้ก่อตั้ง ที่จะนำความเป็นไทยไปสู่สายตาโลก ทุกโครงการ ทุกการลงทุน ทุกการขยายโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มดุสิตธานีตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็เพื่อเชื่อมโยงความเป็นหนึ่งเดียวของแบรนด์ไทยที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ด้วยบริการอันอบอุ่นแบบไทยภายใต้มาตรฐานของดุสิตธานี ให้ทั่วโลกได้ประจักษ์ถึงแบรนด์ “ดุสิตธานี” ที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย ที่พร้อมจะกลับมาสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนหลังจากนี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานีกล่าว. – 517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

สื่อเกาะติด! นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก ถกผลประชุม JBC

บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.- นายกฯ เข้าบ้านพิษณุโลก เรียกถกหน่วยงานความมั่นคง หารือผลประชุม JBC กำหนดแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดน ท่ามกลางสื่อมวลชนเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) ได้แจ้งเลื่อนภารกิจการให้ นางสาวสุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 และคณะ Miss World เข้าคาราวะ ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 10.00 น. ไปเป็นวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย. 68) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ถึงกรณีผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 หรือ The Sixth Meeting of The Cambodian-Thai Joint Commission on Demarcation for […]

‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์ 5 หมายเหตุ สะท้อนปมชายแดน

16 มิ.ย.- ‘รองแม่ทัพภาค 2’ โพสต์หมายเหตุ 5 ข้อ สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจรจา JBC พร้อมตั้งคำถาม “คุยกันดีๆ แล้วทำไมต้องฟ้องศาลโลก?” พลตรี ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 โพสต์หมายเหตุ 5 ประเด็น สะท้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย ขาดความตั้งใจแก้ปัญหา

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กต.แถลงผิดหวังกัมพูชาไม่ร่วมมือไทย แก้ปัญหาลดความตึงเครียด ขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคี บนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมโต้ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา เมื่อ 22.30 น. กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ผลการประชุม JBC ทั้งที่เดิมนัดสื่อเเถลงวันนี้ (16 มิ.ย.) ระบุว่าการหารือมีความคืบหน้าสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งหลักๆ ทั้ง 4 เรื่องในคำเเถลงออกมาตรงกัน ซึ่งการรับรองผลการประชุม JTSC ครั้งที่ 4 สองฝ่ายเห็นตรงกันต่อตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตถึง 45 หลัก และเห็นชอบให้นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำภาพถ่ายทางอากาศเพื่อความรวดเร็วในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ซึ่งในการเห็นชอบให้เเก้ไขแผนแม่บทว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา จัดทำขึ้นเมื่อปี 2546 (TOR 2003) ก็นำเทคโนโลยี LiDAR มาใช้ในการจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ส่วนในข้อ 4 เห็นชอบให้มีการจัดทำข้อกำหนดทางเทคนิคการเดินสำรวจในพื้นที่ตอนที่ 6 ไทยลงรายละเอียดว่า เป็นพื้นที่จากเขาสัตตะโสม จนถึงหลักเขตแดนที่ 1 ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมอบหมาย JTSC […]

อุตุฯ เผยไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส .-สำนักข่าวไทย