นครพนม 17 ก.ค.-นครพนมฝนตกหนักสุดรอบปี แค่วันเดียวน้ำเอ่อท่วมนาข้าว ชุมชนเมืองเฝ้าระวังลำน้ำสาขา น้ำโขงหนุนท่วม พื้นที่นาข้าวเสี่ยงเน่าตาย
ที่จ.นครพนม ยังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง หลังช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนักติดต่อกัน และมีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในรอบปี ประมาณ 170 มิลลิเมตร ทำให้มีน้ำสะสมตามพื้นที่ต่างๆ และไหลรวมลงสู่ลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงเพิ่มระดับต่อเนื่อง ระดับน้ำแม่น้ำโขง ห่างจากจุดวิกฤติประมาณ 6 เมตร ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก แต่ถึงแม้แม่น้ำโขงยังคงรับน้ำได้ แต่หลายพื้นที่มีปัญหาน้ำท่วมขัง เนื่องจากน้ำไหลลงลำน้ำสาขาไม่ทัน เช่นที่ อ.ท่าอุเทน มีน้ำท่วมพื้นที่นาข้าวหลาย 100 ไร่ คาดว่าหากมีฝนตกติดต่อกันนานถึง 1 สัปดาห์ นาข้าวจะเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบว่าชุมชนบ้านน้อยหนองเค็ม ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม มีน้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือเสียหายหลาย 10 หลัง รวมถึงเส้นทางสัญจรไปมา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ทั้งนี้คาดว่าปีนี้จะได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของผังเมือง ที่มีการก่อสร้างอาคาร บ้านเรือนมากขึ้น ทำให้ไม่มีพื้นที่รองรับน้ำ
ส่วนที่ จ.ยโสธร หลังฝนตกต่อเนื่อง ประกอบกับมีน้ำเหนือที่ไหลมาจาก จ.กาฬสินธุ์ และจากเทือกเขาภูพานใน จ.สกลนคร ลงมาสมทบ ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยังลำน้ำสาขาของแม่น้ำชีสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เอ่อล้นตลิ่ง กระแสน้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่เกษตรบ้านใหม่ชุมพร ต.เดิด อำเภอเมืองยโสธร เสียหายไปกว่า 500 ไร่ นั้น ล่าสุดปริมาณน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องขยายเป็นวงกว้าง และมีแนวโน้มว่าน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากยังคงมีปริมาณน้ำเหนือไหลลงมาสบทบตลอดเวลา ประกอบกับยังคงมีฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พื้นที่นาข้าวที่ถูกน้ำท่วม ก็ขยายเป็นวงกว้างออกไปเรื่อยๆ โดยพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากทุกปี เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำในลุ่มแม่น้ำยัง และตลอดลำน้ำยังไม่มีพนังกั้นน้ำทั้งสองฝั่ง จึงทำให้ปริมาณน้ำเอ่อล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวของชาวบ้านได้ง่ายเป็นประจำทุกปี เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ส่วนสภาพอากาศในพื้นที่ ขณะนี้ยังคงมีฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน
ที่ จ.บึงกาฬ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดอุบัติเหตุถึง 2 ราย ในเวลาไล่เลี่ยกัน เสียชีวิต 1 บาดเจ็บอีก 1 รายแรก เกิดเหตุบริเวณ สี่แยกไฟแดง ถนน 212 บึงกาฬ-บ้านแพง ตัดกับถนน 222 บึงกาฬ- พังโคน รถเก๋งชนกับรถพ่วงบรรทุกหิน ในสภาพที่รถเก๋งถูกชนอัดขึ้นไปติดอยู่บนเกาะกลางถนนมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ด้านใน เจ้าหน้าที่ช่วยกันงัดประตู เอาตัวออกมา ทราบชื่อนายลิขิต ทีหอคำ อายุ 43 ปี ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถพ่วงบรรทุกหิน หลังจากชนกับรถเก๋งแล้วเสียหลักวิ่งข้ามเลนไปชนกันเสาไฟฟ้าส่องสว่างหักไป 1 ต้น ก่อนจะตกลงไปร่องน้ำ ในลักษณะที่ส่วนหัวลากจมน้ำและตัวลูกพ่วงพลิกตะแคงอยู่ไหล่ถนน ส่วนคนขับเผ่นหนีไปแล้วหลังเกิดเหตุ นายลิขิต ทีหอคำ คนขับรถเก๋งให้การได้เล่าว่าขณะขับรถมาถึงสี่แยกไฟแดงกำลังจะเลี้ยวขวา เป็นจังหวะเดียวกับรถพ่วงบรรทุกหินพุ่งตรงเข้ามาชน และยังมีอีกราย เวลาใกล้กันตำรวจ สภ.บุ่งคล้า อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ รับแจ้งมีอุบัติเหตุเฉี่ยวชนแล้วหลบหนีบนถนนสาย 212 บึงกาฬ – บุ่งคล้า ทางแยกหน้าโรงเรียนบุ่งคล้านคร มีผู้เสียชีวิต คือนายสมยศ อภัยศิลา อายุ 27 ปี ในสภาพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่กลางถนน มีรถ จักรยานยนต์ ทับลำตัวอยู่ คาดว่าขี่ จักรยานยนต์ฝ่าสายฝนวิ่งมาอย่างเร็วแล้วพุ่งชนท้ายรถยนต์ดับ.-สำนักข่าวไทย
Top Viewed • อ่านมากสุด
ดูทั้งหมด
ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17
ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี
ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง
ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]
คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล
วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่
รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง
ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย
ข่าวแนะนำ
นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน
นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน
ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน
ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ
แดงเกือบทั้งกรุง คุณภาพอากาศวิกฤติ ฝุ่น PM 2.5 กระทบต่อสุขภาพ
คุณภาพอากาศกรุงเทพฯ วิกฤติต่อเนื่อง เช้านี้ฝุ่น PM 2.5 อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 67 พื้นที่ คุณภาพอากาศจะแย่แบบนี้ไปถึงสัปดาห์หน้า
วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก
วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน