ปตท.พร้อมเก็บ สต๊อกปาล์มน้ำมันช่วยเกษตรกร


กรุงเทพฯ 16
ก.ค.-กลุ่ม ปตท.พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรชาวสานปาล์ม ทั้งเก็บสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ57
ล้านลิตรต่อเนื่อง ส่วน
PTTOR
เดินหน้าขายน้ำมันดีเซล บี 20 ให้รถบรรทุกขนส่ง


ในวันนี้ (16
ก.ค.) นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว
บี 20 ที่ บริษัท เอส ซี แคริเออร์ จำกัด อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยย้ำว่าจากสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ
กระทรวงพลังงานได้หาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันและส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว
บี 20 ซึ่งมีเป้าหมายในการจำหน่ายที่ 15 ล้านลิตรต่อวัน นับว่าเป็นผู้ใช้บี 20 รายแรกของโลก โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบได้มากขึ้น จากเดิม 1.3
ล้านตันต่อปี เป็น 2 ล้านตันต่อปี โดยกำหนดให้ราคาขายปลีกน้ำมัน  บี 20 ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติ 3
บาทต่อลิตร เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง
ส่งผลต่อการลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและค่าโดยสาร
รวมถึงค่าครองชีพของประชาชนที่จะลดลงได้อีกด้วย ซึ่งจากการศึกษาทดลองใช้น้ำมัน บี
20 ในรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่บางยี่ห้อบางรุ่น พบว่าไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์
อีกทั้งยังทำให้ระบบการเผาไหม้ของเครื่องยนต์สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  

นายอรรถพล
ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.
จำกัด (มหาชน
)กล่าวว่า กลุ่ม
ปตท.พร้อมช่วยเหลือเกษตรกร โดยนอกจากจะจำหน่าย บี 20 แล้ว ในส่วนของ
ปตท.ยังเก็บสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ อีก 57 ล้านลิตร ตั้งแต่ปลายปี 2560
ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์ม
โดยไม่มีนโยบายระบายออกมาจำหน่ายในภาวะล้นตลาด เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกร
โดยในส่วนของการเก็บสต๊อกจะเป็นหน้าที่ของ ปตท. ในขณะที่มีการหมุนเวียนออกมาผลิตบี
100
โดย บริษัท
ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
 (PTTOR) จัดการเพื่อนำไปผลิตบี7
และบี 20 ต่อไป โดย ปตท.ก็จะยังซื้อซีพีโอ เก็บสต๊อกในระดับเดิมต่อเนื่อง ทั้งนี้
ในการ
โอนกิจการค้าปลีกน้ำมันให้พีทีทีโออาร์ตั้งแต่วันที่
1 ก.ค. 2561 นั้น ในส่วนกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาและข้อผูกพันกับรัฐ
จะยังคงอยู่กับ ปตท.ต่อไป เช่น ปั๊มน้ำมัน 76 แห่ง คลังน้ำมันและแอลพีจี 12
แห่งเป็นต้น  ส่วนคลังอื่นๆและ
ปั๊มน้ำมันกว่า 1,600 แห่ง และค้าปลีกอื่นๆมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท
ก็เป็นเรื่องที่พีทีทีโออาร์ ดูแล

นางสาวจิราพร
ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
PTTOR  กล่าวว่า ปตท.ได้เริ่มให้บริการ
บี 20 ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมาในขณะนี้มีผู้ประกอบการขนส่งรายใหญ่ 3 ราย
เริ่มใช้บริการ ประกอบด้วย เอส ซี แคริเออร์ ,เพอร์เฟกต์ โลจิสติกส์ จ.สระบุรี
และบีอาร์เค พิษณุโลก รวมจำนวนการผลิตและจำหน่ายน้ำมันทั้งสิ้นประมาณ
 270,000 ลิตรต่อเดือน
ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล
ประมาณ 30 ตันต่อเดือน หรือ 360 ตันต่อปี
และมีแผนจะขยายผลโครงการด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบการรถขนส่งรายอื่นเข้าร่วมโครงการ
เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้ไบโอดีเซลให้มากขึ้นต่อไป
 โดยพีทีทีโออาร์ผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 จากคลังน้ำมันลำลูกกา จังหวัดปทุมธานีเพียงแห่งเดียว
เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์
 


นายณัฐภพ
รัตนสุวรรณทวี ผู้บริหารบริษัท เอส ซี แคริเออร์ จำกัด
 กล่าวว่า
บริษัทมีทั้งเรือขนส่งและรถบรรทุก 1,200 คัน พร้อมจะทดสอบใช้บี 20
ซึ่งเบื้องต้นจะใช้ 10 คันก่อน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 600 คันต่อไป
โดยจะขอดูประสิทธิภาพน้ำมันให้มีผลชัดเจนเสียก่อน ซึ่งเมื่อเอสซี เริ่มใช้แล้ว
ก็คาดว่าจะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆหันมาใช้บี 20
เพิ่มขึ้น-สำนักข่าวไทย

         

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]