กรุงเทพฯ 29 มิ.ย. – กรมปศุสัตว์ขอความร่วมมือผู้เลี้ยงไก่ไข่รายใหญ่เพิ่มส่งออกไข่ไก่ เพื่อลดปริมาณไข่ไก่ในประเทศที่เกินความต้องการบริโภค ทำให้เกษตรกรขาดทุน
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีแม่ไก่ยืนกรง 56 ล้านตัว มีผลผลิตไข่ไก่เฉลี่ยวันละ 45 ล้านฟอง แต่ปริมาณความต้องการบริโภคของคนไทยเฉลี่ยวันละ 42 ล้านฟอง ทำให้มีผลผลิตไข่ไก่ส่วนเกินสะสมต่อเนื่องส่งผลให้ราคาขายหน้าฟาร์มตกต่ำ
จากการคำนวณของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ต้นทุนการผลิตไข่ไก่เฉลี่ยฟองละ 2.80 บาท แต่ราคาขายตกไปจนถึงฟองละ 2 บาท ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้กำหนดมาตรการลดปริมาณแม่ไก่ยืนกรง เพื่อลดผลผลิตไข่ไก่ ทำให้ขณะนี้ราคาขายไข่คละหน้าฟาร์มเฉลี่ยฟองละ 2.60 บาท
ล่าสุดกรมปศุสัตว์ได้ขอให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่รายใหญ่เกิน 300,000 ตัว ซึ่งมี 30 ราย เพิ่มปริมาณการส่งออกไข่ไก่เดือนละ 50 ตู้คอนเทนเนอร์ จากที่มีการส่งออกปกติเดือนละ 50 ตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงให้ผู้เลี้ยงไก่ไข่พันธุ์ร่วมกับไก่ไข่ยืนกรงเดือนละ 50 ตู้คอนเทนเนอร์ รวมปริมาณส่งออกทั้งหมด 48 ล้านฟองต่อเดือน
รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาไข่ไก่ล้นตลาดจนราคาตกต่ำตั้งแต่ต้นทางโดยประสานผู้นำเข้าไก่ไข่พ่อแม่พันธุ์ 16 ราย ลดปริมาณการนำเข้าไก่ไข่ไม่ให้เกิน 4,500 ตัวต่อเดือน ซึ่งจะทำให้ปริมาณไก่ไข่ยืนกรงค่อย ๆ ปรับลดน้อยลงจนอยู่ในปริมาณเหมาะสมปลายปีนี้ รวมถึงเข้มงวดการปลดระวางแม่ไก่ยืนกรงไม่ให้เกิน 78 สัปดาห์ตามมติ Egg Board การส่งออกไข่ไก่ส่งออกทั้งในรูปแบบไข่ไก่สดและผลิตภัณฑ์แปรรูป ตลาดใหญ่ คือ ฮ่องกงและสิงคโปร์ ขณะนี้เร่งขยายตลาดส่งออกไปยังสหภาพยุโรปในรูปแบบไข่ไก่แปรรูปให้สามารถส่งออกได้รวม 420 ล้านฟองต่อปี พร้อมกับรณรงค์เพิ่มการบริโภคไข่ไก่ให้ได้ตามเป้าหมาย 300 ฟองต่อคนต่อปี
สำหรับมาตรการทั้งหมดนี้กรมปศุสัตว์ต้องเร่งดำเนินการ เนื่องจากตั้งแต่เดือนกันยายนถึงธันวาคม ซึ่งเป็นทั้งช่วงกินเจและมีผลผลิตทางการเกษตรอื่นออก ทำให้ปริมาณการบริโภคในประเทศลดลง ซึ่งทุกปีราคาไข่ไก่จะตก การดำเนินการทั้งหมดนี้คาดว่าจะทำให้ราคาขายไข่ไก่หน้าฟาร์มปรับตัวสูงขึ้นเป็นฟองละ 2.80 บาท ซึ่งเป็นราคาแนะนำช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้.-สำนักข่าวไทย