กฟผ.จ้างไออีเอ-ม.ฮาวายศึกษารับมือเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – กฟผ.จ้างไออีเอ-ม.ฮาวายศึกษารับมือเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ชี้จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น สามารถตอบสนองได้รวดเร็ว แนะจับคู่พลังงานหมุนเวียนกับเชื้อเพลิงหลักเสริมความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้า 


การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดสัมมนาสื่อมวลชนในหัวข้อ “เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกพลังงาน” นายพัฒนา แสงศรีโรจน์  รองผู้ว่าการนโยบายและแผน กฟผ. กล่าวว่า ระบบไฟฟ้าไทยปัจจุบันเป็นระบบแบบรวมศูนย์ คือ มีโรงไฟฟ้า ระบบส่งขนาดใหญ่ และระบบจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมทั่วประเทศ แต่ในอนาคตจะมีกระจายแหล่งผลิตไฟฟ้าและศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าไปสู่ชุมชน รวมถึงมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น การเดินหน้าของอุตสาหกรรมไฟฟ้าในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกต้องรองรับการเข้ามาของพลังงานหมุนเวียน คือ การสร้างความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าต้องมีความยืดหยุ่น สามารถเริ่มเดินเครื่องได้รวดเร็ว ส่วนในระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้าจะต้องพัฒนาสู่ระบบ Smart Grid ทำงานผ่านรีโมทมอนิเตอร์ (Remote Monitor) สามารถเรียกดูข้อมูลและสั่งการจากศูนย์ควบคุมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันที ต้องบูรณาการข้อมูลจากหน่วยงานภายนอก ทำให้สามารถคาดเดาหรือพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตได้ ส่วนพลังงานหมุนเวียนที่ยังมีข้อจำกัดเรื่องความไม่เสถียร ควรพัฒนารูปแบบของการผสมผสานระหว่างพลังงานหมุนเวียนกับเชื้อเพลิงหลัก (RE Hybrid Firm) เพื่อลดความผันผวน สามารถผลิตไฟฟ้าตามระยะเวลาสัญญาที่กำหนด เช่น โซลาร์เซลล์กับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานลมกับเซลล์เชื้อเพลิง เชื้อเพลิงชีวมวลกับโซลาร์เซลล์ ซึ่งจะกลายเป็นทางเลือกสำคัญ


ทั้งนี้ กฟผ.ได้ว่าจ้างไออีเอ (ทบวงพลังงานโลก ) และมหาวิทยาลัยฮาวายศึกษาเรื่องการปรับตัวของเมืองไทยใน อนาคตทั้งโรงไฟฟ้า ระบบสายส่งรองรับเทคโนโลยีใหม่ และพลังงานทดแทน ซึ่งเมืองไทยมีความยุ่งยาก เนื่องจากเมื่อพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นแล้วต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาไอพีพี , เอสพีพีจะดำเนินการอย่างไร เพราะเกี่ยวข้องกับค่าไฟฟ้าของภาคประชาชนที่แม้ไม่ได้เดินเครื่องก็ต้องจ่าย โดยโครงสร้างทั้งหมดจะต้องพิจารณาควบคู่ทั้งต้นทุนความคุ้มค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อมและความมั่นคงของระบบไฟฟ้า

นอกจากนี้ ในแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาวหรือพีดีพี 2018 ได้ปรับเป็นรายภาคแบ่งเป็น 8 ภาค นโยบายให้มีโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคง ในส่วนนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างการขอความเห็นของทุกภาคส่วนว่าจะให้นิยามอย่างไร เช่น ใกล้ Load ไฟฟ้า การจ่ายไฟได้หลายทิศทาง เป็นต้น โดยในส่วนนี้ต้องดูถึงข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญว่ามีความอย่างไรด้วย โดยมีข้อความที่ขัดแย้งกันว่าโครงข่ายสาธารณูปโภครัฐต้องมีสัดส่วนร้อยละ 50 และอีกข้อกำหนดอีกด้านระบุว่ารัฐต้องไม่แข่งขันในธุรกิจที่เอกชนแข่งขันได้. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง